เปิดเบื้องลึก “บางจาก” เทคโอเวอร์ “เอสโซ่” ซุ่มวางแผน 4 ปี ก่อนปิดดีลสำเร็จ
เปิดเบื้องลึก “บางจาก” เข้าเทคโอเวอร์ “เอสโซ่” ย่องปิดดีลสำเร็จภายใน 1 ปี หลังจากวางแผนเพิ่มจำนวนโรงกลั่นรองรับธุรกิจระยะยาว 4 ปีเต็ม
เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2566 บางจากฯ ได้สร้างข่าวใหญ่ซึ่งถือว่าเป็นดีลใหญ่ต้นปี 2566 ภายหลังมีกระแสข่าวช่วงหยุดยาวปีใหม่ว่าบางจาก เตรียมปิดดีลซื้อหุ้นเอสโซ่ ประเทศไทยและจะเข้าบอร์ดบริการบางจากฯ ภายในต้นเดือนม.ค. 2566 ล่าสุดวันที่ 11 ม.ค. 2566 บอร์ดบริหาร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อนุมัติพร้อมลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. (เอ็กซอนโมบิล) สำเร็จ
ทั้งนี้ ส่งผลให้ธุรกิจโรงกลั่นและค้าปลีกน้ำมันที่เป็นธุรกิจหลักของเอ็กซอนโมบิลในไทยตกไปเป็นของบางจาก โดยสินทรัพย์ที่บางจากจะได้แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ 1. โรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน 2. เครือข่ายคลังน้ำมัน 3.สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง รวมถึงพนักงานของเอสโซ่ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เมื่อรวมกับธุรกิจของบางจากจะทำให้มีกำลังการกลั่นจากโรงกลั่นบางจากและโรงกลั่นศรีราชา (เอสโซ่) รวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน และเครือข่ายสถานีบริการรวม 2,100 แห่ง ซึ่งบางจากจะทำการรีแบรนด์ปั๊มเอสโซ่กว่า 700 แห่ง ให้เสร็จภายใน 2 ปี เพื่อจะได้ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นให้ครบวงจรมากขึ้น ทั้งการจัดหาน้ำมันดิบได้หลากหลายขึ้น รวมถึงความสามารถในการมีท่อส่งน้ำมันทั้ง 2 ท่อ คือ บางปะอิน และสระบุรี ถือว่าใหญ่สุดในประเทศ
รวมถึงการให้บริการด้านการตลาดที่ครอบคลุมและนำเสนอบริการให้กับลูกค้าได้ยิ่งขึ้นผ่านสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี ช่วยเพิ่มพูนทักษะและความสามารถของพนักงาน สร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจและก่อให้เกิดการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดสู่ลูกค้า และเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มบริษัทบางจากในการมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บางจาก เล่าวว่า บางจากได้บริหารจัดการธุรกิจเพื่อสร้างความยั่งยืนในอนาคต โดยล่าสุดดีลการเจรจาเพื่อเข้าซื้อหุ้นของเอสโซ่นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ บางจากจะต่อยอดธุรกิจให้ครอบคลุม โดยธุรกิจน้ำมันยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจและสร้างรายได้ให้กับองค์กรควบคู่กับการบาลานซ์ธุรกิจ โดยที่ผ่านมาบางจาก ได้มีแนวคิดในการจะเพิ่มโรงกลั่นน้ำมันเมื่อช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และได้เริ่มเจรจาอย่างจริงจังกับ เอ็กซอนโมบิลอย่างจริงจังเป็นเวลาถึง 1 ปีเต็ม ซึ่งเอสโซ่มีความสามารถในการจัดหาน้ำมันดิบ และบริหารโรงกลั่นขนาดใหญ่ทั่วโลก ดังนั้น ถือเป็นโอกาสในการพัฒนาโรงกลั่นบางจากมากขึ้น ซึ่งช่วยการบริหารต้นทุนและทำให้ราคาน้ำมันในไทยไม่สูงมาก
สำหรับการลงทุนครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญสู่ความมั่นคงทางพลังงานที่มากขึ้นของบางจาก และประเทศไทย เป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่เพิ่มความยั่งยืนและเพิ่มการเข้าถึงพลังงานได้ง่ายขึ้น ตนเชื่อมั่นว่าการทำธุรกรรมครั้งนี้ ถือเป็นการพลิกโฉมสู่บริบทใหม่สำหรับบางจากและประเทศไทย
การเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว เป็นการเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 65.99 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ เอสโซ่จาก ExxonMobil โดยมีมูลค่ากิจการ 55,500 ล้านบาท และมีกลไกการปรับราคาซื้อขายหุ้นตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้น ทั้งนี้ หากอ้างอิงตามงบการเงินสอบทานในไตรมาส 3/2565 ของเอสโซ่ จะได้ราคาเบื้องต้นประมาณ 8.84 บาทต่อ 1 หุ้น โดยราคาสุดท้ายจะมีการปรับตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้ สำหรับ
ทั้งนี้ บางจากจะใช้เงินทุนทั้งแหล่งภายนอกจากสินเชื่อจากสถาบันการเงิน และจากกระแสเงินสดภายในบริษัทและเตรียมพร้อมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดภายหลังจากการเข้าซื้อหุ้นจาก ExxonMobil เสร็จสิ้น อนึ่ง ExxonMobil จะยังคงดำเนินธุรกิจนำเข้าผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและเคมีภัณฑ์ในประเทศไทยต่อไป
สำหรับการเซ็นสัญญานี้ บางจากจะเจรจาราคาหุ้นขั้นสุดท้ายอีกครั้ง และมั่นใจว่าการซื้อหุ้นเอสโซ่จะสร้างรายได้เบื้องต้นในระดับ 1,500-2,000 ล้านบาททันที ส่วน เอ็กซอนโมบิลจะยังคงเก็บแบรนด์เดิมไว้ เช่น น้ำมันเครื่อง เคมีภัณฑ์ต่าง ๆ ส่วนบางจากฯ จะได้สินทรัพย์ทั้งหมดของเอสโซ่ อาทิ สถานีบริการน้ำมันกว่า 700 สถานี โดยจะแปลงเป็นชื่อสถานีบริการน้ำมันบางจากภายใน 2 ปี ส่วนเงื่อนไขพนักงานจะยังคงไว้เหมือนเดิม เพราะเอสโซ่มีโครงสร้างที่ดีและชัดเจนดีอยู่แล้ว