"เอสโซ่" รื้อโครงสร้างผู้บริหาร รับภารกิจควบรวม "บางจาก"
"เอสโซ่" ประกาศแต่งตั้ง "สุดา นิลวรสกุล" นั่งประธานกรรมการ ส่วน "ราตรีมณี ภาษีผล" ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนใหม่
บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประกาศว่า นางสุดา นิลวรสกุล ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ และนางราตรีมณี ภาษีผล ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ของบริษัทฯ มีผลตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป
นางสุดา และ นางราตรีมณี ดำรงตำแหน่งต่อจาก ดร. อดิศักดิ์ แจ้งกมลกุลชัย ซึ่งได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการในวันเดียวกัน
นางสุดา จบการศึกษาปริญญาตรีจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ภาควิชาสถิติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทบริหารธุรกิจ จาก Krannert School มหาวิทยาลัย Purdue ประเทศสหรัฐอเมริกา
ด้านประสบการณ์ในการทำงาน ตลอดระยะเวลา 32 ปี ที่ผ่านมา นางสุดา ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงหลายตำแหน่งในหน่วยงานเทคโนโลยีสารสนเทศของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ประสบการณ์ของเธอในประเทศไทยรวมถึง หัวหน้าศูนย์บริการธุรกิจกรุงเทพของบริษัท เอ็กซอนโมบิล จำกัด พร้อมกันนี้ นางสุดาจะดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่บริษัทในเครือเอ็กซอนโมบิลในประเทศไทย อีกด้วย
นางราตรีมณี จบการศึกษาปริญญาตรีจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐวอชิงตัน (University of Washington) ประเทศสหรัฐอเมริกา
ด้านประสบการณ์ในการทำงาน นางราตรีมณี ดำรงตำแหน่งกรรมการ และผู้รับผิดชอบสูงสุดทางสายงานการเงินและการบัญชี ของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และเคยดำรงตำแหน่งที่หลากหลายตลอดระยะเวลา 31 ปีที่ผ่านมาในบริษัทในเครือของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งรวมถึงตำแหน่ง ผู้จัดการการเงิน ผู้จัดการสนับสนุนธุรกิจ และผู้จัดการภาษี
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2566 นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวภายหลังซื้อหุ้นเอสโซ่ว่า ถือเป็นการเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 65.99 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ เอสโซ่จาก ExxonMobil โดยมีมูลค่ากิจการ 55,500 ล้านบาท และมีกลไกการปรับราคาซื้อขายหุ้นตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้น ทั้งนี้ หากอ้างอิงตามงบการเงินสอบทานในไตรมาส 3/2565 ของเอสโซ่ จะได้ราคาเบื้องต้นประมาณ 8.84 บาทต่อ 1 หุ้น โดยราคาสุดท้ายจะมีการปรับตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้
อีกทั้ง การซื้อหุ้นเอสโซ่เบื้องต้นจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และมีรายได้ต่างๆ เพิ่มขึ้นระดับ 1,500-2,000 ล้านบาท ทันที โดยสถานีบริการน้ำมันกว่า 700 สถานี โดยจะแปลงเป็นชื่อสถานีบริการน้ำมันบางจากภายใน 2 ปี
สำหรับสินทรัพย์ของเอสโซ่ที่เกี่ยวข้องหลักๆ คือ โรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง จะทำให้บางจาก มีกำลังการกลั่นน้ำมันรวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน และเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,100 แห่ง สามารถดำเนินธุรกิจโรงกลั่นได้ครบวงจรมากขึ้น จัดหาน้ำมันดิบได้หลากหลายขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้รับประโยชน์ในเรื่องของเทคโนโลยีการกลั่นที่เสริมกันของโรงกลั่นทั้งสอง และการให้บริการด้านการตลาดที่ครอบคลุม และนำเสนอบริการให้กับลูกค้าได้ยิ่งขึ้นผ่านสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนความรู้ และเทคโนโลยี ช่วยเพิ่มพูนทักษะ และความสามารถของพนักงาน สร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ และก่อให้เกิดการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดสู่ลูกค้า และเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มบริษัทบางจากในการมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน