‘สุพัฒนพงษ์’ชี้ราคาก๊าซฯ ยังผันผวน สั่ง ‘ปตท.’ เร่งซื้อ LNG ช่วงราคาอ่อนตัว

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวถึงแนวโน้มราคาไฟฟ้าในงวดเดือน พ.ค. - ส.ค.ที่จะถึงนี้ยังคงต้องดูปัจจัยต่างๆประกอบ แม้ว่าปัจจุบันราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ในตลาดโลกจะปรับราคาลดลงจาก 40 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู มาอยู่ที่ประมาณ 17 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียูในปัจจุบัน

แต่ก็ต้องเฝ้าระวังการปรับเพิ่มขึ้น และความผันผวนของราคาแอลเอ็นจี โดยมีปัจจัยจากการสู้รบในยุโรป และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ทำให้เกิดความหนาวเย็นมากในหลายประเทศ และความต้องการแอลเอ็นจีเพิ่มขึ้นซึ่งอาจทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นได้

อย่างไรก็ตามในช่วงที่ราคาก๊าซธรรมชาติปรับลดลงได้ให้นโยบายกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทที่มีหน้าที่นำเข้าก๊าซธรรมชาติเร่งตัดสินใจในการทำสัญญาซื้อขายไว้ล่วงหน้า เพื่อล็อกราคาแอลเอ็นจีในตลาดจร (Spot LNG) ไว้ในระดับราคาที่ต่ำ

ขณะที่ในการเจรจาราคานั้นให้ยืนยันว่าประเทศไทยมีทางเลือกในการผลิตไฟฟ้าโดยใช้เชื้อเพลิงได้ทั้งก๊าซธรรมชาติ และดีเซลเพื่อให้สามารถต่อรองการซื้อและทำสัญญานำเข้าในราคาที่เหมาะสมที่สุด

สั่ง ปตท.สผ.เร่งเพิ่มกำลังการผลิตแหล่งเอราวัณ

นอกจากนี้ ตนได้สั่งการให้ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ที่เข้าไปบริหารแหล่งปิโตรเลียมในพื้นที่แหล่งเอราวัณอ่าวไทย ให้เร่งรัดการเพิ่มปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยให้สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นโดยเร็วที่สุด

โดยขณะนี้ปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยนั้นขึ้นมาเป็น 50% ของปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในช่วงที่บริษัทเชฟรอนฯเคยผลิตได้แล้ว ภายในปีนี้จะได้ประมาณ 75% ของปริมาณการผลิตเดิม และในช่วงต้นปีหน้าคาดว่าการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยจะกลับมา 100% เท่าเดิมซึ่งจะเพิ่มทางเลือกในการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงภายในประเทศ ลดการนำเข้าก๊าซ LNG และช่วยให้ต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าลดลงได้

 

“ค่าไฟฟ้าในงวดต่อไปเป็นไปได้หลายทาง ต้องดูหลายๆปัจจัย ซึ่งแม้ราคาก๊าซปรับลงมาในช่วงนี้แต่ต้องไม่ประมาท เพราะราคาก๊าซอาจเพิ่มขึ้นได้ตลอด โดยค่าไฟฟ้าของประชาชนนั้นรัฐบาลมีมาตรการในการดูแลอยู่แล้ว ส่วนภาคเอกชนนั้นก็กำลังทำงานร่วมกันมีการตั้งกรรมการร่วมขึ้นมาแก้ไขปัญหา หากทำงานร่วมกันได้ในเรื่องต่างๆสำเร็จค่าไฟฟ้าก็จะปรับลงมาได้เช่นกัน”

สำหรับมติคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เห็นชอบปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลง 50 สตางค์ต่อลิตร โดยเป็นการปรับลดลงในรอบ 7 เดือนว่า ในเรื่องนี้เป็นการปรับลดลงตามสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงและระดับราคาทรงตัวอยู่ในระดับหนึ่ง

ส่วนถ้าจะมีการปรับลดลงอีกก็ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่เหมาะสม คือ ระดับราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมทั้งต้องหารือกับกระทรวงการคลังในฐานะหน่วยงานที่ค้ำประกันการกู้เงินของกองทุนน้ำมันฯ ซึ่งการลดราคาน้ำมันดีเซล เป็นการปรับลดการส่งเงินเข้าสู่กองทุนน้ำมันฯหากไม่กระทบกับการใช้จ่ายหนี้ของกองทุนน้ำมันฯรัฐบาลก็พร้อมที่จะปรับลดให้ได้

 

ทั้งนี้ปัจจุบันหนี้ของกองทุนน้ำมันฯมีอยู่ประมาณ 1.1 แสนล้านบาท โดยได้มีการกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องโดยกองทุนน้ำมันฯ มีการกู้ยืมเงินโดยกระทรวงการคลังค้ำประกันแล้วในวงเงินประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และอยู่ระหว่างการหาเงินกู้เพิ่มเติม