'ไทยออยล์' ทรานส์ฟอร์มธุรกิจ ทุ่มงบ 3 ปี 3.5 หมื่นล้าน ดันกำไรธุรกิจใหม่
“บัณฑิต” ซีอีโอใหม่ "ไทยออยล์" ยันทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ปิโตรเคมีมูลค่าสูง-พลังงานสะอาด มุ่ง Net Zero หวังรัฐบาลใหม่คงนโยบายพลังงานต่อเนื่อง ห่วงปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์-ศก.โลกกระทบราคาน้ำมัน ตั้ง 3ปี งบลงทุน 1,000 ล้านดอลลาร์
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไทยออยล์ตั้งเป้างบลงทุน 3 ปี (2566-2568) ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท โดย 500 ล้านดอลลาร์ จะลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด ซึ่งการจะลงทุนด้านอื่น ๆ จะต้องดูเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังไม่แน่นอน ที่เกิดจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือแม้แต่เงินเฟ้อ การลงทุนจะต้องดูภาพที่ชัดเจนของสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม ปีนี้จะลงทุนราว 20,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด หรือ Clean Fuel Project (CFP) โดยตั้งเป้าจะให้หน่วยผลิตน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 5 แล้วเสร็จก่อนภายในไตรมาส 1 ปี2567 เพื่อผลิตน้ำมันเพิ่มเป็น 4 แสนบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.7 แสนบาร์เรลต่อวัน โดยจะเป็นการกลั่นน้ำมันดีเซล และน้ำมันเครื่องบิน (Jet) เพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ค่าการกลั่น (GRM) จากปัจจุบัน อยู่ที่ระดับ 4-5 ดอลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นเท่าตัว จากการกลั่นน้ำมันที่มีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ภารกิจสำคัญที่ต้องดำเนินการ คือ สานต่อการทรานส์ฟอร์มธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ตามยุทธศาสตร์หลัก 3V คือ 1. Value Maximization ต่อยอดธุรกิจปิโตรเลียมสู่ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง 2. Value Enhancement เสริมความแข็งแกร่งในประเทศ ขยายตลาดและกระจายผลิตภัณฑ์ไปสู่ต่างประเทศในระดับภูมิภาค รองรับการเติบโตของธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ในอนาคต และ 3. Value Diversification ลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีมูลค่าสูง และ ธุรกิจ New S-Curve อื่นๆ สอดคล้องต่อแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงโลก
ขยายตลาดพลังงานสะอาด
"เป้าหมายหลักของไทยออยล์ในปีนี้ จะเป็นการเร่งดำเนินโครงการ CFP ตลอดจนการเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดไปต่างประเทศในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะ ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย พร้อมทั้งเร่งศึกษาในการต่อยอดห่วงโซ่คุณค่าเพื่อเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง และแสวงหาโอกาสเข้าสู่ธุรกิจที่มีมูลค่าสูง"
นายบัณฑิต กล่าวว่า จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ว่าจะเป็นแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นตัวเร่งให้เกิดการตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) การเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงานไปสู่การใช้พลังงานสะอาด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทั้งนี้ ไทยออยล์ จึงได้ปรับเป้าหมาย ธุรกิจของกลุ่มในปี 2573 โดยสัดส่วนกำไรจากธุรกิจปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงที่ 40% ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงที่ต่อยอดจากปิโตรเคมี 30% ธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและธุรกิจใหม่ๆ 25% และธุรกิจไฟฟ้า 5%
อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงมีความผันผวน จากปัจจัย 1. จีนเปิดประเทศซึ่งมีความต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น 2. ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งสหรัฐ จีน รัสเซีย หรือ ยูเครน ที่กระทบต่อการกีดกันการค้าขายน้ำมันและมีการขายข้ามทวีป 3.เศรษฐกิจ ซึ่งยากต่อการทำนาย ซึ่งดูเหมือนจะดีขึ้น แต่ธนาคารกลางของประเทศสหรัฐ (เฟด) ประกาศเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น มีผลต่อการใช้จ่าย แต่ปีนี้ยังคงเติบโตกว่าปีที่แล้ว
“แนวโน้มธุรกิจน้ำมันในปี 2566 จะเติบโตได้ดี จากความต้องการใช้น้ำมันทุกประเภทปรับสูงขึ้น ตามทิศทางความต้องการใช้น้ำมันของโลกที่ปรับสูงขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว โดยคาดว่า น้ำมันสำเร็จรูปในปีนี้ จะเติบโต 4-5%และน้ำมันอากาศยาน เติบโตขึ้น 50% เมื่อเทียบปีที่ผ่านมา”
ฝากการบ้านรัฐบาลใหม่
นายบัณฑิต กล่าวว่า สิ่งที่อยากจะฝากรัฐบาลใหม่ คือ นโยบายด้านพลังงานต้องต่อเนื่อง เช่นในอดีตเคยมีนโยบายให้จำหน่ายน้ำมันกลุ่มเอทานอลและไบโอดีเซลหลายชนิด ทั้งแก๊สโซฮอล์ E85 ,E20,E10 รวมถึงน้ำมันไบโอดีเซลทั้ง B7 และ B20 แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลก็มีการกำหนดนโยบายใหม่ ไม่เน้นน้ำมันโซฮอล์E85 เหลือเพียง แก๊สโซฮอล์ E10 และดีเซลเหลือเพียง B7-B10 เป็นต้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการลงทุนของอุตสาหกรรมน้ำมัน
นอกจากนี้ ปัจจุบันรัฐบาลมีแผนส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าตามนโยบาย 30@30 ที่ตั้งเป้าผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี 2573 ซึ่งขณะนี้ อัตราการเติบโตอีวีสูง นโยบายต้องต่อเนื่องเพื่อให้ประชากรเข้าถึงราคาที่เหมาะสม ซึ่งต้องคุยกับผู้ประกอบการให้เยอะ เพื่อเดินไปด้วยกัน ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลจะไหนมา สิ่งสำคัญคือความต่อเนื่องของนโยบาย
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ TOP for The Great Futureโดยคำว่า “TOP” มาจาก T - Transformation ทรานสฟอร์มธุรกิจในทุกมิติ ให้มั่นใจว่า องค์กรพร้อมขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายใหม่ สร้างธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ให้เติบโตอย่างยั่งยืนรวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ให้องค์กรขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
O - Operational to Business Excellence ยกระดับการทำงานปัจจุบันจาก Operational Excellence ไปสู่ Business Excellence สร้างองค์กรที่ขับเคลื่อนโดยระบบงานระดับ World Class ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและทีมงานมืออาชีพ และ P - Partnership & Platform สร้างการเติบโตด้วยแนวทางความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศเพิ่มประสิทธิภาพในการสนับสนุนการขยายธุรกิจในอนาคต
“สิ่งที่ขาดไม่ได้เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero คือนวัตกรรมจากเทคโนโลยีไฮโดรเจน, การนำเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน(CCUS) ถือเป็นการตอบโจทย์เมกะเทรนด์เพื่อลดความผันผวนและไปสู่ธุรกิจปลดปล่อยคาร์บอนได้น้อยลงจนกปัจจุบัน ตอบโจทย์นโยบาย BCG ของรัฐบาล”