ราช กรุ๊ป อัด 3.5 หมื่นล้าน ‘ขยาย’ ลงทุน!
พาคุณผู้ชมไปอัปเดตแผนกลยุทธ์ธุรกิจของบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประจำปี 2566 กันหน่อยค่ะ ล่าสุดก็มีการจัดงานแถลงข่าวเตรียมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยปีนี้คาดการณ์ว่า EBITDA ยังโตต่อเนื่อง
บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด มหาชน ได้มีการแถลงข่าวเผยแผนกลยุทธ์ธุรกิจและความยั่งยืนในปี 2566 เตรียมงบลงทุนเพิ่ม 35,000 ล้านบาท และนอกจากนั้นยังจับมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ในพื้นที่ป่าชุมชน 10,000 ไร่ หวังฟื้นฟูสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม
คุณชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธุรกิจผลิตไฟฟ้าและพลังงาน ยังคงเป็นเป้าหมายหลักที่จะสร้างรายได้เสริมหนุนองค์กร ในปี 2566 จะมีการรับรู้กำลังการผลิตเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นอีก 1,207.13 เมกะวัตต์ ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น และได้จัดเตรียมงบประมาณสำหรับการลงทุนในปีนี้ จำนวน 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นขยายการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจำนวน 29,000 ล้านบาท และธุรกิจนอกภาคไฟฟ้า อีก 6,000 ล้านบาท ส่วนแผนกลยุทธ์ธุรกิจของบริษัทฯ ปี 2566 - 2570 ตั้งเป้าหมาย EBITDA เติบโตจาก 12,000 ล้านบาท และปี 2570 เป็น 15,000 ล้านบาท และยังพัฒนาการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลให้ทัดเทียมกับมาตรฐานสากล เตรียมประกาศความมุ่งมั่นความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2570
การดำเนินงานในปี 2566 จะยังคงใช้กลยุทธ์ 3S Strength-Synergy-Sustainability ในการสร้างการเติบโต ทั้งนี้บริษัทฯ จะใช้บริษัทร่วมทุน เน็กส์ซิฟ ราช เอ็นเนอร์จี อินเวสเมนท์ เป็นกลไกในการเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าที่มีอยู่แล้วในประเทศออสเตรเลีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ จำนวน 8 โครงการ
นอกจากนี้ยังมองหาโอกาสขยายการลงทุนในเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนกลุ่มธุรกิจ Non-power จะมุ่งเน้นที่ธุรกิจบริการสุขภาพโดยยังคงจับมือกับกลุ่ม PRINC ด้านนวัตกรรมยังดำเนินการผ่านบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด อีกทั้งยังมีการศึกษาความเป็นไปได้การพัฒนากรีนไฮโดรเจน โดยมีแผนจะดำเนินการนำร่องในออสเตรเลียเป็นแห่งแรก
และในปีนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตให้ได้ 30,000 ตัน และพัฒนาคาร์บอนเครดิตจากป่าชุมชนอีก 10,000 ไร่ ซึ่งก็ทีการลงนามบันทึกความเข้าใจกันไปเรียบร้อยแล้วในโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ค่ะ