เอกชนห่วง ‘ค่าไฟแพง’ ฉุดขีดแข่งขัน!!!

เอกชนห่วง ‘ค่าไฟแพง’ ฉุดขีดแข่งขัน!!!

ผลกระทบค่าไฟแพงส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ค่อนข้างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ ส.อ.ท.จะมีการเจรจาและยื่นข้อเสนอต่อภาครัฐในการควบคุมต้นทุนค่าไฟฟ้า เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย

ประธานกิติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. ศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ระบุ ผลกระทบค่าไฟแพงส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ค่อนข้างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ ส.อ.ท.จะมีการเจรจาและยื่นข้อเสนอต่อภาครัฐในการควบคุมต้นทุนค่าไฟฟ้า เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้วไทยแพงกว่ามาก

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์มีมาตรการรับมือกับค่าไฟฟ้าและพลังงานที่สูงขึ้นด้วยการออกแบบโรงงานที่รับแสงจากดวงอาทิตย์ลดการใช้หลอดไฟ การเพิ่มสัดส่วนการใช้โซลาร์เซลล์ รวมทั้งดำเนินมาตรการในการประหยัดไฟฟ้าทั้งในโรงงานและสำนักงานขาย อาทิ เปิดพัดควบคู่กับการเปิดแอร์เพื่อลดการใช้พลังงาน

แม้ว่าอุตสาหกรรมจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นหลายด้าน แต่การตัดสินใจขึ้นราคารถยนต์อาจจะชะลอไปก่อน เนื่องจากในตลาดมีการแข่งขันราคาค่อนข้างสูง

อุตฯเซรามิก ‘โอด’ ต้นทุนค่าไฟพุ่ง30%

ขณะที่ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเซรามิก ส.อ.ท. อธึก เชิดเกียรติศักดิ์ ระบุ ภาพรวมอุตสาหกรรมเซรามิกมีต้นทุนค่าไฟฟ้าคิดเป็น 20-30% ของต้นทุนทั้งหมด ซึ่งค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นปีทำให้อุตสาหกรรมมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากเดิมราว 30% ทั้งนี้ เบื้องต้นหลายโรงงานรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ด้วยการเริ่มหันมาใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์

อย่างไรก็ตามการลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์เองถือเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ทั้งยังเป็นพลังงานที่มีความไม่แน่นอน โดยความต้องการไฟฟ้าทุก 1 เมกะวัตต์ จะต้องลงทุนถึง 30 ล้านบาท ทำให้บริษัทส่วนมากเลือกที่จะให้มีผู้ลงทุนมาติดตั้งให้แล้วซื้อไฟจากผู้ติดตั้งอีกต่อนึง ซึ่งตรงนี้ในช่วงแรกสามารถประหยัดต้นทุนลงได้ถึง 10% แต่ปัจจุบันลดลงเหลือแค่ 5% เนื่องจากการคิดราคาไฟฟ้ายังคงอิงค่าไฟหลวง ซึ่งยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น

ตรึงราคาส่งออกสินค้าอาหาร

ด้านประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ส.อ.ท. เจริญ แก้วสุกใส
ระบุ ต้นทุนค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารเพิ่มขึ้นราว 15-20% โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารทะเล อาหารแช่แข็ง อาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง ที่ต้องใช้ห้องเย็นจะมีการใช้ไฟค่อนข้างมาก ซึ่งถึงแม้จะมีการปรับลดค่าไฟลงบ้างแต่กลุ่มฯ ยังต้องรับภาระหนัก เนื่องจากไม่สามารถปรับขึ้นราคาสินค้าได้ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนม ไข่ ไก่ และสินค้าควบคุมอื่นๆ อีกทั้งการปรับราคาขึ้นยังจะส่งผลต่อการแข่งขันและการส่งออกไปตลาดโลกอีกด้วย

โดยส่วนหนึ่งหันไปใช้พลังงานทดแทน อาทิ โซลาร์เซลล์ ไบโอแมส ไบโอแก๊ส จากของเสีย แต่พลังงานเหล่านี้ยังเข้ามาเสริมเพียงแค่ 20% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดเท่านั้น

ต้นทุนค่าไฟฟ้าเป็นปัจจัยนึงที่นักลงทุนใช้พิจารณาในการตัดสินใจขยายการลงทุนเพิ่ม เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านแล้วตอนนี้ไทยมีต้นทุนที่สูงมาก รัฐบาลจะต้องมีการบริหารจัดการค่าไฟฟ้าจะต้องสะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริง รวมถึงต้องมีมาตรการมาช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในการเปลี่ยนไปใช้พลังงานทดแทน อาทิ ส่งเสริมด้านภาษี การนำเข้าอุปกรณ์ ให้เงินอุดหนุน รวมทั้งสร้างอีโคซิสเต็มในการขายไฟฟ้าคืนให้การไฟฟ้าได้