ส่องทิศทางน้ำมันราคา 'ดีเซล' มีโอกาส กลับไปขายลิตรละ 30 บาท?
ส่องทิศทางราคาน้ำมัน "ดีเซล" จะมีโอกาสลดเหลือ 30 บาท/ลิตร ได้หรือไม่? ย้ำ ราคาน้ำมันอิงราคาตลาดโลก บวกนโยบายรัฐบาล ลุ้นผลการประชุมกลุ่มโอเปกพลัส วันที่ 4 มิ.ย. 66
Key points
- "กบน." ปรับลดราคาน้ำมันดีเซลลง 5 ครั้ง แล้ว ตั้งแต่ ก.พ. 2566 ปัจจัยราคาน้ำมันตลาดโลกลด
- การปรับลดราคาน้ำมันดีเซล 5 ครั้ง จาก 35 บาท/ลิตร เหลือ 32 บาท/ลิตร มีผล 15 พ.ค. 2566
- จับตาผลประชุม "โอเปกพลัส" 4 มิ.ย. 2566 ถึงอัตรากำลังผลิตน้ำมัน ที่จะมีผลต่อราคาน้ำมันตลาดโลก
- "พลังงาน" ย้ำ การปรับขึ้นลงราคาน้ำมันในประเทศไทยอิงกับราคาตลาดโลก-นโยบายรัฐบาล
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เมื่อ 8 พ.ค. 66 เห็นชอบการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงอีก 0.50 บาท/ลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกดีเซลจาก 32.44 บาท/ลิตรเป็น 31.94 บาท/ลิตร มีผลตั้งแต่ 15 พ.ค. 2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ การปรับลดราคาดีเซลดังกล่าวนับเป็นการปรับลดครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เดือนก.พ. 2566 และลดเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือนพ.ค. 2566 รวมลดราคาแล้วทั้งสิ้น 3 บาท/ลิตร โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาขายปลีกดีเซลลดครั้งนี้มาจากราคาดีเซลตลาดโลกที่อ่อนตัวลงช่วง 1-8 พ.ค.66 ที่เฉลี่ย 86.42 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 10.70 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซลเม.ย. 2566
นอกจากนี้ จากสถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มดีขึ้นโดย ณ วันที่ 7 พ.ค. 2566 กองทุนน้ำมันฯ สุทธิติดลบ 79,327 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 32,581 ล้านบาท และบัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลวหรือ LPG ติดลบ 46,746 ล้านบาท
"ณ วันที่ 9 พ.ค. 2566 กองทุนน้ำมันฯ เก็บเงินจากดีเซล 7.39 บาท/ลิตรกบน.จึงได้ลดราคาดีเซลให้ประชาชนเพื่อลดค่าครองชีพ และรวมไปถึงค่าขนส่งที่ควรจะปรับลดลงตาม แต่ดีเซลไม่อาจลดได้ถึง 1 บาท/ลิตรทันที เพราะต้องดูสต็อกให้กับผู้ค้าน้ำมันอย่างเป็นธรรมด้วยเพราะจะขาดทุนมากและล่าสุดน้ำมันผันผวนสูงขึ้นเมื่อประกอบกับลดราคาดีเซลก็จะทำให้เงินกองทุนฯวันที่ 10 พ.ค.จะลดเหลือราว 6 บาท/ลิตร
อย่างไรก็ดี ความผันผวนของราคาน้ำมันยังคงมีหลากหลายปัจจัย โดยจะเห็นได้ว่ามีเหตุการณ์สำคัญ ๆ ด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงต้นเดือนหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อหลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2550 ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบลดลง แต่เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากบรรดานักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้งในวันที่ 5 พ.ค. 2566 หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และหุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาคของสหรัฐฟื้นตัวขึ้น ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นอีก
นอกจากนี้ ต้องเฝ้าระวังปัจจัยรุมเร้ารอบด้าน อาทิ การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส ที่จะมีการประชุมวันที่ 4 มิ.ย. 2566, การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนหลังเปิดประเทศ ความผันผวนค่าเงินดอลลาร์ เป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป ทั้งนี้ หากจะให้ฝากถึงกลุ่มธุรกิจขนส่งต่าง ๆ ถึงกรณีที่เคยระบุว่า หากน้ำมันดีเซลปรับลดราคา ภาคขนส่งก็พร้อมจะปรับลดราคาค่าขนส่งเช่นกันนั้น ขณะนี้ ระบบโลจิสติกส์ในประเทศไทยถูกลง ภาคขนส่งก็ควรลดราคาให้ลูกค้าเช่นกัน ส่วนมาตรการลดภาษีน้ำมันลิตรละ 5 บาท ที่จะสิ้นสุดวันที่ 20 ก.ค. 2566 นั้น คงต้องรอดูนโยบายรัฐบาลใหม่
"การลดราคามีโอกาสเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้หมด เพราะด้วยปัจจัยหลัก ๆ ดังที่กล่าวมา ดังนั้น สิ่งสำคัญคือราคาตลาดโลกเป็นปัจจัยหลัก และนโยบายรัฐบาลที่จะมีการต่อภาษีให้อีกหรือไม่ ซึ่งจะต้องรอเวลา เพราะตอนนี้เรายังมีหนี้อยู่ และจ่ายดอกเบี้ยที่กู้มาทุกเดือน โดยกำหนดจะคืนเงินต้น 2 ปี ดังนั้น หากยังสามารถเก็บเงินเข้ากองทุนฯ และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลก็มีความเป็นไปได้ที่จะปรับลดราคาลงอย่างต่อเนื่องครั้งละประมาณ 50 สตางค์/ลิตร"