เปิดผลรายงานติดตาม 7 เงื่อนไขดีลซีพีควบรวมโลตัส ผ่านฉลุย
กขค.เปิดรายงานผลการตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติตามเงื่อนไข 7 ข้อ กรณี ควบรวมธุรกิจซีพี-โลตัส ประจำปี 2564ไม่พบการกระทำผิดเงื่อนไข 7 ข้อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็ปไซต์คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ได้เผยแพร่รายงานผลการตรวจสอบและติดตามกรณีการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัดและบริษัท โลตัสส์ สโตรส์ (ประเทศไทย) จำกัด (ชื่อเดิม บริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด) กลุ่มซีพีและโลตัส ประจำปี 2564 หลังจากที่คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า หรือ บอร์ดแข่งขันทางการค้า เสียงข้างมาก ได้มีมติ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2563 อนุญาตควบรวมธุรกิจได้ แต่กำหนดระยะเวลาและเงื่อนไขให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องปฏิบัติตามจำนวน 7 ข้อ ตามคำสั่งของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า
โดยสำนักงานการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ได้รายผลการตรวจสอบการปฏิบัติตามเงื่อนไข 7 ข้อ ในปี 2564 สรุปว่า กลุ่มซีพีได้มีการปฏิบัติตามเงื่อนไขทุกประการ โดยมีรายละเอียดดังนี้
เงื่อนไขข้อ 1. ห้ามธุรกิจในเครือควบรวมธุรกิจค้าปลีกค้าส่งรายอื่นนาน 3 ปี ไม่รวมธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งสำนักงาน กขค. ได้มีการตรวจสอบรายงานการซื้อหุ้นหรือสินทรัพย์ของ CP และ LOTUS’S รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ ที่มีสถานะเสมือนเป็นหน่วยธุรกิจเดียวกัน (Single Economic Entity) แต่ละราย พร้อมทั้งติดตามข่าวสารการซื้อหุ้นและสินทรัพย์ ติดตามข้อมูลการซื้อหุ้นหรือสินทรัพย์ จากแหล่งข้อมูลในหน่วยงานต่าง เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นต้น
นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นของทุกบริษัท ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า ผู้ที่ได้รับอนุญาตรวมธุรกิจได้มีหนังสือยืนยันการปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อ 1 และไม่มีการซื้อหุ้นหรือสินทรัพย์(เฉพาะในประเทศ)ถึงหลักเกณฑ์สำนักงานกขค.กำหนด
2. หลังควบรวมแล้วให้เพิ่มสัดส่วนสินค้าจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไม่น้อยกว่า 10% ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี จากการตรวจสอบในเงื่อนไขที่ 2 พบว่า ผู้ได้รับอนุญาตรวมธุรกิจเพิ่มยอดขายสินค้าที่มาจาก SMEs ได้มากกว่า10 %จากปี 2563 ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อที่ 2 โดยในปี 2564 จำนวน SMEs ที่เป็นคู่ค้ากับ CP และ LOTUS’S มีจำนวน รวมทั้งสิ้น 2,268 ราย ซึ่งมีจำนวน SMEsเพิ่มขึ้นถึง 293ราย ในขณะที่ จำนวน non-SMEs มีจำนวนลดลง 3 ราย
ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตให้รวมธุรกิจมีการเพิ่มของยอดขาย สินค้าที่มาจาก SMEs ปี 2564 ในอัตรามากกว่า 10 % ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไข ประกอบการอนุญาตรวมธุรกิจข้างต้น แต่ยอดซื้อสินค้าที่มาจาก non -SMEsลดลง จากปี 2563 คิดเป็น 5.4% โดยยอดขายสินค้าที่มาจาก SMEs ประกอบด้วย สินค้าวิสาหกิจชุมชน/OTOP (เพิ่มขึ้น6.12%) กลุ่มสินค้าเกษตร/สินค้าเกษตร ชุมชน (เพิ่มขึ้น 37.56% ) และกลุ่มสินค้าอื่น ๆ (เพิ่มขึ้น 6.40% )
3. หลังควบรวมแล้วห้ามมิให้ใช้หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการตลาดที่เกี่ยวข้องกับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้าหรือวัตถุดิบให้ถือว่าเป็นความลับทางการค้า ซึ่งในการตรวจสอบเงื่อนไขข้อ 3 นี้ทางสำนักงาน กขค. ได้ดำเนินการกำกับดูแลและติดตามเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลความลับทางการค้าของคู่ค้าตามเงื่อนไขข้อที่ 3 โดยเฉพาะ กรณีการโอนกิจการทั้งหมดของ LOTUS’S ให้กับ MAKRO
โดยสำนักงาน กขค. ได้ให้รายงานแผนการป้องกันการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งต้องเป็นไปตามเงื่อนไข พร้อมทั้งกำชับให้บริษัทต้องปฏิบัติตามแผนดังกล่าวอย่างเคร่งครัดและได้กำหนดแนวทางในการเก็บรักษาข้อมูลความลับทางการค้าของคู่ค้า ของแต่ละบริษัทที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นไปตามพ.ร.บ. การแข่งขัน ทางการค้า พ.ศ. 2560 ซึ่งการตรวจสอบ ยังไม่พบการใช้ข้อมูลร่วมกันหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการตลาดที่เกี่ยวข้องกับผู้ผลิตและผู้จัด จำหน่ายสินค้าหรือวัตถุดิบ รวมทั้งยังไม่มีเรื่องร้องเรียนจากคู่ค้า ทั้งนี้ สำนักงาน กขค. จะดำเนินการติดตามและตรวจสอบต่อไป
4. ให้คงสัญญาที่ทำไว้กับซัพพลายเออร์ 2 ปี ซึ่งสำนักงานกขค.ได้ตรวจสอบข้อมูลการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสัญญาหรือข้อตกลงที่เกิดขึ้นระหว่าง LOTUS’S กับ คู่ค้ารายเดิม ตรวจสอบข้อมูลจากคู่ค้ารายเดิมของ LOTUS’S เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสัญญาหรือ ข้อตกลงที่เกิดขึ้น ในปี 2564 ได้ประชาสัมพันธ์ช่องทางร้องเรียนให้คู่ค้ารายเดิมของ LOTUS’S ได้รับทราบ เพื่อให้คู่ค้า SMEs ได้รับทราบสิทธิของตนเองในเรื่องการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขฯ กับคู่ค้ารายเดิม รวมถึงได้มีการเพิ่มช่องทางร้องเรียนให้สะดวกขึ้น ทั้งนี้สำนักงาน กขค. ตรวจสอบแล้วพบว่า ยังไม่พบการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสัญญาหรือข้อตกลงที่ LOTUS’S ได้ทำไว้กับคู่ค้ารายเดิม ซึ่งผลการตรวจสอบจากการสำรวจข้อมูลเบื้องต้น ยังไม่พบการกระทำที่เป็นการผิดเงื่อนไข ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขฯ กับคู่ค้ารายเดิม และอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด
5. กำหนดระยะเวลาเครดิตเทอมหรือการให้สินเชื่อการค้ากับกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เป็นเวลา 30-45 วัน เป็นเวลา 3 ปี โดยสำนักงาน กขค. ได้ดำเนินการตรวจสอบ SMEs ที่เป็นคู่ค้ากับ CP และ LOTUS’S ในปี 2563 (ก่อนรวมธุรกิจ) มีจำนวน 892 ราย และ 1,083 ราย ตามลำดับ พบว่า มี SMEs ที่ได้รับการปรับ CreditTerm ให้เป็นตามคำสั่ง กขค. จำนวน 566 ราย และ 1,075ราย ตามลำดับ
ทั้งนี้ ในปี 2564 (หลังรวมธุรกิจ) CP และ LOTUS’S รายงานว่า SMEs ทั้งหมดที่เป็นคู่ค้า ได้รับ Credit Term ตามระยะเวลาที่ กขค. กำหนดเรียบร้อยแล้ว มีการสำรวจข้อมูล เบื้องต้นกับ SMEs ที่เป็นคู่ค้าของ CP และ LOTUS’S ในปี 2564 ซึ่งดำเนินการไปแล้วประมาณ 30 % ของจำนวนคู่ค้า SMEs ที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมด โดยอยู่ระหว่างการดำเนินการสำรวจข้อมูล ทั้งหมด ร่วมกับสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงาน ภาครัฐและเอกชน ในการสำรวจข้อมูล Credit Term ทั้งหมดโดยละเอียด ทั้งนี้ผลการตรวจสอบพบว่า ผู้ได้รับอนุญาตให้รวมธุรกิจได้รายงานข้อมูลของผู้ผลิตแล ะ ผู้จัดจำหน่ายสินค้าหรือวัตถุดิบที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยกำหนดระยะเวลาในการ ให้สินเชื่อ (CreditTerm) ภายหลังการรวมธุรกิจ ตามระยะเวลาที่ กขค. กำหนด ซึ่งผลการตรวจสอบจากการสำรวจ ข้อมูลเบื้องต้น ยังไม่พบการกระทำที่เป็นการผิดเงื่อนไขในเรื่อง Credit Term ของ SMEsและอยู่ระหว่างการดำเนินการ ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด
6. ให้รายงานผลประกอบการต่อ กขค. เป็นเวลา 3 ปี โดยเงื่อนไขนี้ทางสำนักงาน กขค. กำหนดให้ผู้ได้รับอนุญาตรายงานข้อมูล ดังต่อไปนี้ 1. ข้อมูลสาขาทั้งหมด ของ CP และ LOTUS’S 2. ข้อมูลการขยายสาขา และยกเลิกสาขา ของ CP และ LOTUS’S 3. ข้อมูลยอดขาย จำแนกตามหมวดสินค้า ของ CP และ LOTUS’S จากข้อมูลดังกล่าวได้มีศึกษาและวิเคราะห์ สรุปได้ว่า ในปี 2564 7-Eleven มีการขยายสาขาจำนวน 702 สาขา จากปี 2563 หรือคิดเป็นอัตราการขยายสาขา 5.6% ขณะที่ Lotus’s GoFresh มีการขยายสาขาจำนวน 206 สาขา หรือคิดเป็นอัตราการขยาย 12.3% ซึ่งเป็นการ ขยายเพิ่มขึ้นภายหลังการรวมธุรกิจ สำหรับการขยายสาขาของผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นในตลาดส่วนใหญ่มีการเพิ่ม จำนวนสาขาในทิศทางเดียวกันกับ 7-Elevenและ LOTUS’S
7. หลังควบรวมแล้วให้จัดทำมาตรฐานในการปฏิบัติทางการค้าที่ดี code of conduct เผยแพร่ต่อสาธารณะ โดยเงื่อนไขนี้ทางสำนักงาน กขค. กำหนดให้ CP LOTUS’S และ MAKRO จัดทำร่างมาตรฐานในการปฏิบัติทางการค้าที่ดี (Code of Conduct) เพื่อเสนอสำนักงาน กขค. พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนประกาศเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดย CP และ LOTUS’S รวมถึง MAKRO ได้จัดทำร่าง Code of Conduct ให้ กขค. พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่กขค.ได้สั่งให้ดำเนินการปรับปรุงบางประเด็นตามที่สำนักงาน กขค. กำหนด และให้เผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยเร็วต่อไป