ดัชนีความผาสุก ชี้ เกษตรกร ปี65 มีคามสุขดี ลดลงเล็น้อย ที่ระดับ 80.46%
สศก. เผย ดัชนีความผาสุกของเกษตรกร ปี 65 อยู่ที่ระดับ 80.46 พัฒนาในระดับดี ด้านสุขอนามัย-สังคม พัฒนาในระดับดีมาก ขณะที่สิ่งแวดล้อม-การศึกษา ต้องปรับปรุง เร่งแก้ไข
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลการศึกษาดัชนีความผาสุกของเกษตรกรไทย ซึ่ง สศก. ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความผาสุกของเกษตรกร เป็นประจำทุกปี เพื่อสะท้อนถึงปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย รวมทั้งใช้เป็นตัวชี้วัดของแผนพัฒนาการเกษตร ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2565) และแผนปฏิบัติการด้านการเกษตร และสหกรณ์ พ.ศ. 2566 – 2570
โดยดัชนีความผาสุกของเกษตรกร ประกอบด้วย 5 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสุขอนามัย ด้านการศึกษา ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม
สำหรับดัชนีความผาสุกของเกษตรกรระดับประเทศ ในปี 2565 มีค่าอยู่ที่ระดับ 80.46 เป็นการพัฒนา อยู่ในระดับดี ลดลงจากปี 2564 ซึ่งมีค่าอยู่ที่ระดับ 81.10 และเมื่อพิจารณาดัชนีความผาสุกของเกษตรกรในแต่ละภูมิภาค ในปี 2565 พบว่า
ภาคกลางมีค่าดัชนีมากที่สุดอยู่ที่ระดับ 81.82 รองลงมา ได้แก่ ภาคใต้อยู่ที่ระดับ 81.57 ภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 80.96 และภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 80.08 ซึ่งทุกภาคมีการพัฒนาอยู่ในระดับดี โดยมีรายละเอียด ในแต่ละด้าน ดังนี้
ดัชนีด้านสุขอนามัย ปี 2565 ภาพรวมระดับประเทศมีค่าอยู่ที่ระดับ 99.85 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับดีมาก เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 98.77 โดยภาคกลางมีค่าดัชนีมากที่สุดอยู่ที่ระดับ 99.96 รองลงมา คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 99.91 ภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 99.88 และภาคใต้อยู่ที่ระดับ 99.54 ซึ่งจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ครัวเรือนเกษตรดูแลเอาใจใส่ในเรื่องสุขภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ ได้มีการขับเคลื่อนนโยบายการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตร ตามแนวทางการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) การผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย ควบคู่กับ การขับเคลื่อนนโยบายอาหารปลอดภัย (Food Safety) รวมทั้งมีการเสริมสร้างความรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี
ดัชนีด้านสังคม ปี 2565 ภาพรวมระดับประเทศมีค่าอยู่ที่ระดับ 91.06 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับดีมาก ลดลงจากปี 2564 ซึ่งมีค่าอยู่ที่ระดับ 92.64 โดยภาคกลางมีค่าดัชนีมากที่สุดอยู่ที่ระดับ 93.70 รองลงมา คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 91.95 ภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 90.10 ซึ่งเป็นการพัฒนาอยู่ในระดับดีมาก ขณะที่ภาคใต้มีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 88.00 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับดี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ครัวเรือนเกษตรเป็นครอบครัวขยาย สมาชิกในครอบครัวมีการดูแลซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้ ภาครัฐได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้อยู่กับครอบครัว สร้างระบบคุ้มครองและสวัสดิการผู้สูงอายุ ส่งเสริมการปรับสภาพแวดล้อมชุมชนและบ้านให้ปลอดภัยต่อผู้สูงอายุ รวมถึงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและความเข้มแข็งให้กับสถาบันครอบครัว
ดัชนีด้านเศรษฐกิจ ปี 2565 ภาพรวมระดับประเทศมีค่าอยู่ที่ระดับ 78.26 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับปานกลาง เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 77.31 โดยภาคใต้มีค่าดัชนีมากที่สุดอยู่ที่ระดับ 86.71 รองลงมา คือ ภาคกลางมีค่าดัชนี อยู่ที่ระดับ 81.32 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับดี ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 79.73 และภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 70.23 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับปานกลาง
โดยผลจากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจสังคมครัวเรือนเกษตรและแรงงานเกษตร พบว่า รายได้เงินสดสุทธิของครัวเรือนเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยครัวเรือนเกษตรมีรายได้เงินสดจากนอกภาคเกษตรมากกว่ารายได้เงินสดทางการเกษตร 2.7 เท่า ซึ่งมีสาเหตุมาจากเกษตรกรบางส่วนประสบปัญหาขาดแคลนที่ดินทำกิน แหล่งน้ำเพื่อการเกษตรมีไม่เพียงพอ รวมถึงผลผลิตมีราคาไม่แน่นอน
ดัชนีด้านสิ่งแวดล้อม ปี 2565 ภาพรวมระดับประเทศมีค่าอยู่ที่ระดับ 62.67 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับต้องปรับปรุง ลดลงจากปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 64.49 โดยภาคเหนือมีค่าดัชนีมากที่สุดอยู่ที่ระดับ 76.04 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับปานกลาง รองลงมา คือ ภาคกลางมีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 61.37 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับต้องปรับปรุง ภาคใต้อยู่ที่ระดับ 58.79 และภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 56.77 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับต้องเร่งแก้ไข เนื่องจากปี 2565 มีพื้นที่ได้รับการฟื้นฟูทรัพยากรดิน 1.76 ล้านไร่ ลดลงจากปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ 2.02 ล้านไร่
ขณะที่สัดส่วนพื้นที่ป่าต่อพื้นที่ทั้งหมดของประเทศลดลงเช่นกัน เนื่องจากภาครัฐโดยคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ได้เปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินจากพื้นที่ป่าไม้ ไปเป็นพื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้าง
ดัชนีด้านการศึกษา ปี 2565 ภาพรวมระดับประเทศมีค่าอยู่ที่ระดับ 50.39 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับต้องเร่งแก้ไข ลดลงจากปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 56.28 เนื่องจากสมาชิกครัวเรือนเกษตรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี สูงถึงร้อยละ 24.71 ได้รับการศึกษาภาคบังคับหรือต่ำกว่าภาคบังคับ โดยภาคใต้มีค่าดัชนีมากที่สุดอยู่ที่ระดับ 57.60 รองลงมา คือ ภาคกลาง มีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 52.98 ภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 51.89 และภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 46.94 ซึ่งค่าดัชนีของทุกภาคสะท้อนถึงการพัฒนาที่อยู่ในระดับต้องเร่งแก้ไข
สำหรับข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาในแต่ละด้าน มีดังนี้ ด้านการศึกษา ควรดำเนินการสนับสนุน ให้สมาชิกของครัวเรือนเกษตรของประเทศได้รับการศึกษาที่สูงขึ้น ตลอดจนส่งเสริมให้เกษตรกรได้รับการฝึกอบรม อย่างต่อเนื่อง และสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเกษตร
รวมถึงการบริหารจัดการฟาร์ม/แปลงที่ดี ด้านสิ่งแวดล้อม ควรดำเนินการส่งเสริมการฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรม การปลูก สวนป่าชุมชน และป่าเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ของประเทศ สร้างความตระหนักรู้และถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐกิจ ควรจัดสรรที่ดินทำกินให้ครัวเรือนเกษตรที่มีกรรมสิทธิ์ครอบครองที่ดินน้อย โดยเฉพาะภาคกลางและภาคเหนือ และกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม
ส่งเสริมให้ครัวเรือนเกษตรสามารถสร้างรายได้จากหลายแหล่ง หรือใช้แนวทางการทำเกษตรในรูปแบบเกษตรผสมผสาน และส่งเสริมการจัดทำบัญชีครัวเรือนเกษตร เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการวิเคราะห์สถานภาพทางการเงิน ทั้งด้านรายได้ รายจ่าย หนี้สินทรัพย์สินต้นทุนการผลิต และสามารถวางแผนการลงทุนทางการเกษตรได้อย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ ท่านที่สนใจข้อมูลผลการศึกษาดัชนีความผาสุกของเกษตรกร สามารถสอบถามได้ที่ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาเกษตรกรและองค์กรเกษตรกร กองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โทร. 0 2579 2816 ในวันและเวลาราชการ