เอกชนจี้ กทพ.ปรับแผน ประมูลควบรวมด่วนภูเก็ต 5 หมื่นล้าน

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยถึงผลการเปิดรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน และสถาบันทางการเงิน ถึงรายละเอียดปรับเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) โครงการทางพิเศษสายกะทู้ – ป่าตอง โดยระบุว่า หลังจาก กทพ.ได้เปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอโครงการทางด่วนสายกะทู้ - ป่าตอง เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แต่พบว่าไม่มีเอกชนยื่นข้อเสนอ ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลมาจากสภาวะทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนก่อสร้างปรับเพิ่มจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ในปี 2564

โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อแรงจูงใจภาคเอกชนทำให้ไม่มีเอกชนรายใดยื่นข้อเสนอโครงการนี้ แต่ด้วยความจำเป็นของการสร้างโครงข่ายทางพิเศษในจังหวัดภูเก็ต เพื่อลดปัญหาการจราจรแออัด และเพื่อเอื้อต่อการเดินทางท่องเที่ยว กทพ.จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาโครงการให้เกิดขึ้น จึงเปิดรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน และสถาบันทางการเงินอีกครั้งเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุที่กระทบต่อการตัดสินใจร่วมลงทุน และนำมาปรับปรุงทีโออาร์ให้จูงใจเอกชนร่วมลงทุนมากขึ้น

อย่างไรก็ดี กทพ.ได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว โดยช่วงเช้าเป็นเวทีสำหรับเอกชนที่มาซื้อซอง 13 ราย แต่ไม่มายื่นข้อเสนอ และช่วงบ่ายสำหรับสถาบันการเงิน อีกทั้งยังมีรูปแบบออนไลน์ ที่ได้เปิดโอกาสให้เอกชนรายอื่นที่สนใจร่วมลงทุนในโครงการนี้ สามารถรับฟังข้อมูลและแสดงความคิดเห็นได้ โดยเบื้องต้น กทพ.พบว่าความเห็นของภาคเอกชนส่วนใหญ่ต้องการให้ควบรวมโครงการลงทุนนำมาเปิดประมูลครั้งเดียว ทั้งในส่วนของทางด่วนสายกะทู้ – ป่าตอง และเส้นทางต่อขยายช่วงสายเมืองใหม่ – เกาะแก้ว – กะทู้

ในส่วนของข้อเสนอแนะของการควบรวมโครงการนั้น เนื่องจากเอกชนเล็งเห็นว่า หากเพิ่มแนวเส้นทางให้มีระยะทางยาวขึ้น และเอกชนสามารถบริหารจัดการต่อเนื่องครอบคลุมทั้งโครงการ จะสามารถบริหารต้นทุนได้ดีกว่า และคุ้มค่าต่อการลงทุนมากกว่า โดยหากควบรวมโครงการจะมีมูลค่าการลงทุนสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาท รวมระยะทาง 33.98 กิโลเมตร

“ตอนนี้ต้องรวบรวมข้อเสนอของเอกชนและสถาบันทางการเงิน เพื่อนำเสนอเรื่องนี้ไปยังคณะกรรมการ ม.36 และคณะกรรมการ PPP เนื่องจากหากจะควบรวมโครงการประมูลด้วยกัน ถือเป็นการปรับเปลี่ยนมติของคณะกรรมการ PPP ดังนั้นต้องนำเสนอเพื่อพิจารณาใหม่ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ เพื่อเปิดประกวดราคาได้ในต้นปี 2567”

นายสุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันโครงการทางด่วนสายเมืองใหม่ – เกาะแก้ว – กะทู้ อยู่ระหว่างสรุปผลการศึกษาแนวเส้นทาง และมูลค่าการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จใกล้เคียงกับการเสนอคณะกรรมการ PPP พิจารณาข้อเสนอเอกชนในการควบรวมโครงการประมูล ดังนั้นสองโครงการนี้ปัจจุบันเป็นการทำงานคู่ขนานกันไป และหากท้ายที่สุดมีมติให้ควบรวมโครงการประมูล กทพ.ก็พร้อมที่จะเปิดประมูลในต้นปีหน้าทันที

ทั้งนี้ กทพ.มั่นใจว่าการเปิดรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนและสถาบันการเงินในครั้งนี้ จะสามารถปรับปรุงรูปแบบการร่วมลงทุนในโครงการทางด่วนจังหวัดภูเก็ตให้เหมาะสม จูงใจนักลงทุน และมั่นใจว่าหากเปิดประมูลรอบใหม่ จะมีเอกชนรายเดิมที่เคยซื้อซองเอกสารไปแล้ว และเอกชนรายใหม่เข้ามาซื้อซองเอกชนเพื่อร่วมยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนครั้งนี้อย่างคึกคัก

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บีทีเอสได้ร่วมซื้อซองเอกสารในโครงการทางด่วนสายกะทู้ - ป่าตอง แต่ไม่ได้ยื่นข้อเสนอเนื่องจากมีข้อกำหนดบางประการทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมยื่นข้อเสนอได้ โดย กทพ.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นในการปรับปรุงทีโออาร์ และประมูลครั้งใหม่ ทางบีทีเอสได้ให้ข้อเสนอแนะไป และยังยืนยันว่าพร้อมที่จะยื่นข้อเสนอการลงทุน หากทีโออาร์เปิดกว้างให้เข้าร่วม

นอกจากนี้ ยังมองว่าโครงการจะจูงใจภาคเอกชนร่วมลงทุนนั้น ต้องควบรวมเส้นทางในโครงการทางด่วนกะทู้ – ป่าตอง และส่วนต่อขยายช่วงสายเมืองใหม่ – เกาะแก้ว - กะทู้ เพราะจะทำให้แนวเส้นทางเพิ่มมากขึ้น เอกชนคุ้มค่าต่อการลงทุน อีกทั้งจะจูงใจมากยิ่งขึ้น หากรัฐบาลเข้ามาช่วยสนับสนุนค่าก่อสร้างงานโยธา

สำหรับโครงการทางพิเศษสายกะทู้ - ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ถือเป็นโครงการทางพิเศษสายแรกของ กทพ.ที่มีการลงทุนนอกเขตจังหวัดกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มูลค่าการลงทุนสูงถึง 14,670.57 ล้านบาท ระยะทางรวม 3.98 กิโลเมตร มีช่วงก่อสร้างงานอุโมงค์ระยะทาง 1.85 กิโลเมตร ลอดใต้เทือกเขานาคเกิด ส่วนสายเมืองใหม่ - เกาะแก้ว - กะทู้ มีระยะทาง 30 กิโลเมตร มูลค่าลงทุน 35,800 ล้านบาท เชื่อมต่อกับโครงการสายกะทู้ – ป่าตอง สร้างความสะดวกในการเดินทางระหว่างท่าอากาศยานภูเก็ตเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด