เศรษฐกิจมาเลเซียฟื้นจากกโควิด-19 ต่างชาติลงทุนสูงเป็นประวัติการณ์
กรมสถิติประเทศมาเลเซีย เผย ต่างชาติหอบเงินลงทุนในมาเลเซียปี 65 สูงถึง 74,600 ล้านริงกิต ผลจากเศรษฐกิจฟื้นจากโควิดข19 ทำเศรษฐกิจขยายตัวดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ด้านทูตพาณิชย์มาเลเซีย ชี้ มาเลเซียเป็นตลาดใหม่เติบโตเร็วที่สุดอาเซียน ผลตอบแทนทางธุรกิจคุ้มค่า
รายงานจากกรมสถิติ ของประเทศมาเลเซีย เผยถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในประเทศมาเลเซียปี 2565 มีเงินลงทุนสูงถึง 74,600 ล้านริงกิต เทียบกับปี 2564 ที่มีเงินลงทุน 50,400 ล้านริงกิต ซึ่งถือเป็นการหลั่งไหลเข้าของ FDI ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 หลังจากสถานการณ์โควิด-19
นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (DIA) จากมาเลเซียมีมูลค่า 58,600 ล้านริงกิตในปี 2565 ซึ่งนับเป็น DIA ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ปี 2557 และเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 2564 อยู่ที่ 19,400 ล้านริงกิต
อัตราการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในประเทศมาเลเซียอยู่ที่ 879,100 ล้านริงกิตภายในสิ้นปี 2022 ซึ่งบ่งชี้ถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในเชิงบวกที่ประเทศมาเลเซียสามารถดึงดูดบริษัทต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศ ในทํานองเดียวกัน บริษัทสัญชาติมาเลเซียก็ได้ขยายและกระจายกิจกรรมทางธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้นเช่นกัน
ภาคการผลิตมีการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ โดยมีเม็ดเงินเข้าสุทธิ 49,500 ล้านริงกิต โดยส่วนใหญ่ภาคการผลิตขับเคลื่อนโดยผลิตภัณฑ์จำพวกไฟฟ้า อุปกรณ์ขนส่ง และภาคการผลิตย่อยอื่นๆ อีกทั้ง ภาคบริการเป็นสนับสนุนการเติบโตเป็นอันดับที่สอง โดยเฉพาะในกิจกรรมทางการเงิน รองลงมาคือภาคเหมืองแร่ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับหุ้นทุนและกองทุนเพื่อการลงทุน
ด้านของการกระจายของ FDI ในระดับภูมิภาค ภูมิภาคอเมริกาแซงหน้าเอเชียในฐานะผู้รับสูงสุด โดยมีเม็ดเงินเข้าสุทธิ 42,600 ล้านริงกิต ส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกา ภูมิภาคเอเชียยังคงเป็นแหล่งของ FDI
ที่สำคัญและโดดเด่น รองลงมาคือยุโรปและอเมริกา ภาคบริการได้รับส่วนแบ่งที่ใหญ่ที่สุดของ FDI คิดเป็น 48.8% หรือ 429,100 ล้านริงกิตโดยได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมทางการเงินและการค้าส่ง ภาคการผลิตคิดเป็น 43.5 % ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ทั้งหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคไฟฟ้าอุปกรณ์การขนส่งและภาคการผลิตย่อยอื่น ๆ
ขณะที่ DIA ภาคบริการยังคงเป็นภาคหลักโดยคิดเป็น72.2% ของการลงทุนทั้งหมด โดยเฉพาะในกิจกรรมทางการเงินภาคเหมืองแร่มีส่วน12.5% และภาคการผลิตมีส่วน 10.2 % โดยในแง่ของกระแส DIA ภูมิภาคเอเชียแซงหน้ายุโรปในปี 2022 ด้วยอัตรามูลค่า 23,500 ล้านริงกิต นอกจากนี้ ทวีปยุโรปตามมาด้วยอัตรามูลค่า 21,000 พันล้านริงกิตและ อเมริกาด้วยอัตรามูลค่า 12,000 ล้านริงกิต จุดหมายปลายทางสามอันดับแรกของ DIA จากประเทศมาเลเซีย ได้แก่ ประเทศสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเนเธอร์แลนด์
หลังจากการระบาดของ โควิด -19 บรรเทาลง และเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวทั้งนักลงทุน FDI และ DIA ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนสูงขึ้น ในปี 2565 อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ของบริษัท FDI ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 0.12 ริงกิต จาก 0.13 ริงกิตในปี 2564 สำหรับทุกๆ 1.00 ริงกิตของการลงทุน โดยภาคบริการสามารถสร้างรายได้สูงสุด ในทางกลับกัน บริษัทสัญชาติมาเลเซียได้รับผลตอบแทน 0.08 ริงกิต สำหรับทุก ๆ การลงทุน 1.00 ริงกิตที่ลงทุนในต่างประเทศ โดยมีภาคการผลิตเป็นปัจจัยสูงสุดของการลงทุนในต่างประเทศ
นายวรววรณ วรรณนิล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงกัวมาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย แสดงความเห็นว่า ประเทศมาเลเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาเลเซียเป็นหนึ่งในตลาดเกิดใหม่ชั้นนำสำหรับการลงทุนและได้รับการยอมรับในด้านการคุ้มครองนักลงทุนรวมถึงการตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจ ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ภาคการผลิตมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ประสิทธิภาพการผลิตและการควบคุมต้นทุนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภาคธุรกิจสามารถส่งมอบผลลัพธ์ที่แท้จริงให้กับธุรกิจ
นอกจากนั้น ภาคการบริการของมาเลเซียยังรวมเอาแนวทางแบบสหวิทยาการคือการผสมผสานเข้ากับความรู้เชิงลึกในภาคปฏิบัติหรือความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อรับมือกับความท้าทายและปัญหาต่างๆ อย่างไรก็ตาม มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องหากบริษัทต่างชาติต้องการย้ายธุรกิจมายังประเทศมาเลเซีย อาทิ ความเสี่ยงในการย้ายถิ่นฐาน และอัตราภาษี ดังนั้น จึงควรหาข้อเสนอผลได้ในระยะยาวเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าประเทศมาเลเซียเป็นแหล่งที่น่าดึงดูดใจในการลงทุนอย่างแท้จริง