สศอ. เผย MPI เดือน พ.ค. 66 อยู่ที่ 94.8 ลดลง 3.14% ชี้สัญญาณหดตัวชะลอลง
สศอ. เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพ.ค.2566 อยู่ที่ระดับ 94.80 ลดลง 3.14% เมื่อเทียบกับปีก่อน ช่วง 5 เดือนแรก MPI เฉลี่ยอยู่ที่ 96.36 ลดลง 4.49% ชี้การหดตัวเริ่มมีสัญญาณชะลอลง จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะรถยนต์ และอุตฯ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว
นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพ.ค. ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 94.80 ลดลง 3.14% โดยเป็นการปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย. ขยายตัว 14.23%
ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 60.20% โดยช่วง 5 เดือนแรกปี 2566 มีกำลังการผลิต เฉลี่ยอยู่ที่ 61.04% ส่งผลให้ดัชนี MPI 5 เดือนแรก ปี 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 96.36 ลดลง 4.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลต่อความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ น้ำตาล เนื้อไก่แช่แข็งและแช่เย็น เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และเนื้อสัตว์ปีก เครื่องปรุงรส น้ำมันปาล์ม ผลิตภัณฑ์นม สุรา ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ และกาแฟ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากการผลิตรถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้น 26.1% และรถยนต์กระบะ 1 ตัน เพิ่มขึ้น 12.9% จากการส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้น 12.30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นในรถยนต์ทุกประเภท
ขณะที่ สศอ. ได้คาดการณ์ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือนมิ.ย. 2566 ยังคง “ส่งสัญญาณเฝ้าระวัง” โดยมีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวจากการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน รวมถึงเศรษฐกิจของคู่ค้าหลักอย่างประเทศจีนและญี่ปุ่นมีแนวโน้มการฟื้นตัว
ขณะที่ การส่งออกที่หดตัวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ประกอบกับความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและงบประมาณปี 2567 อีกทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีโอกาสรุนแรงขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจไทย
"ทั้งนี้ ยังต้องติดตามปรากฏการณ์เอลนีโญที่จะส่งผลทำให้ปริมาณฝนของประเทศไทยมีแนวโน้มจะต่ำกว่าค่าปกติ และมีผลต่อวัตถุดิบในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร"
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตในเดือนพ.ค. 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่
ยานยนต์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17.54% จากรถปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็กและขนาดกลาง เป็นหลัก ตามการขยายตัวของตลาดส่งออก
เครื่องจักรอื่นๆ ที่ใช้งานทั่วไป (เครื่องปรับอากาศ) ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.57% เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัดต่อเนื่องทั้งในประเทศและประเทศคู่ค้า ส่งผลให้มีความต้องการใช้สินค้ามากขึ้น
น้ำตาล ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 31.14% จากผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ เป็นหลัก เนื่องจากมีการทยอยปิดหีบตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา จึงทำให้สามารถละลายน้ำตาลทรายดิบได้เร็วขึ้น ประกอบกับผลผลิตน้ำตาลปีนี้มากกว่าปีก่อน
จักรยานยนต์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22.11% เนื่องจากการขยายตัวของตลาดในประเทศและตลาดส่งออก โดยตลาดในประเทศได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจในประเทศที่ขยายตัวตามอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการส่งออกเพิ่มขึ้นตามคำสั่งของประเทศคู่ค้า
พลาสติกและยางสังเคราะห์ขั้นต้น ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.98% จากผลิตภัณฑ์ Polyethylene resin, Ethylene และ Polypropylene resin เป็นหลัก เนื่องจากในปีก่อนมีการหยุดซ่อมบำรุงของผู้ผลิตบางราย และมีการขยายกำลังการผลิตของผู้ผลิตบางรายในปีนี้
นอกจากนี้ ประเด็นที่น่าติดตามในช่วงนี้ คือ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งได้รับโอกาสจากวิกฤติโควิด-19 แม้ภาพรวมของการผลิตและการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจะซบเซา แต่อุตสาหกรรมสิ่งทอชนิดพิเศษกลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้ประกอบการจะปรับเปลี่ยนการดำเนินงาน
โดยเจาะกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าสูงและมีโอกาสเติบโต เพื่อผลักดันให้ "ผ้าคุณสมบัติพิเศษ" ที่เป็นด้าย หรือผ้าที่มีคุณสมบัติกันน้ำ ทนไฟ และกรองเชื้อโรค เป็น "Product Champion" สามารถต่อยอดเป็นวัสดุและชิ้นส่วนประกอบที่สำคัญในอุปกรณ์ทางการแพทย์และสุขภาพอื่น ๆ ช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้า เน้นการใช้วัตถุดิบหรือสินค้าที่ผลิตในประเทศ และส่งเสริมนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรม New S-Curve ทางด้าน Medical Technology ของประเทศไทย
โดยมุ่งเน้นและผลักดันการผลิตสิ่งทอเทคนิคที่มีคุณสมบัติพิเศษตลอด Supply Chain เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มศักยภาพในการส่งออกให้กับอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่มห่มไทย