"จีนกำลังเข้าไทย ผลดีหรือผลร้าย รับหรือสู้"

"จีนกำลังเข้าไทย ผลดีหรือผลร้าย รับหรือสู้"

ข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับจีนในปัจจุบัน มีทั้งข่าวดีและข่าวไม่ดีมาควบคู่กัน  ใครชอบจีนก็มักจะเห็นข่าวสารทางบวก เรียกร้องให้มีความสัมพันธ์เพิ่มขึ้น ชอบการพัฒนาในจีนและนโยบายต่างๆ มองว่าจีนคือทางเลือกใหม่หรือเป็นทางเลือกที่จะมาสร้างความสมดุลย์กับระเบียบโลกเดิม

ใครที่ไม่ชอบจีนก็ออกมาแย้งว่า จีนเป็นความเสี่ยงที่ควรคิดให้รอบคอบ เศรษฐกิจในจีนเริ่มเปราะบางอย่างเห็นได้ชัดและการใกล้ชิดกับจีนจะทำให้เกิดผลลบต่อความสัมพันธ์ของไทยกับประเทศทางตะวันตก

หลายคนซึ่งอาจจะเป็นคนส่วนใหญ่ที่วางตัวเป็นกลาง มองว่าการคบค้าสมาคมกับจีนเป็นสิ่งดี แต่ควรทำด้วยนโยบายที่รัดกุมมากขึ้น ต้องการผลประโยชน์แต่ไม่ควรประมาท

คำถามที่เราได้ยินบ่อยคือ จีนกำลังจะย่ำแย่หรือกำลังรุ่งและขยายธุรกิจทั่วโลก (รวมทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามแผนหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง) 

เงินหยวนจะเข้ามาแทนเงินอเมริกันดอลล่าร์บางส่วน เพื่อความสมดุลย์และความมั่นคงจริงหรือ

ขีดความสามารถทางทหารของจีนโดยเฉพาะกองกำลังทางเรือพัฒนาแซงอเมริกาไปแล้วหรือไม่

เทคโนโลยีชั้นสูงรวมทั้งคอมพิวเตอร์ที่คำนวณเร็วที่สุดในโลกอยู่ในจีนจริงหรือ 

ชาวไทยควรจะต้อนรับธุรกิจของจีนที่กำลังจะขยายเข้ามาทั้งบริษัทใหญ่และSME หรือควรที่จะตั้งกำแพงกีดกัน

อสังหาริมทรัพย์ที่นักลงทุนจีนกว้านซื้อในไทยนั้นเป็นสิ่งน่ากลัวหรือไม่ ธุรกิจสีเทาส่วนใหญ่เป็นของชาวจีนหรือเป็นการป้ายสีใส่ร้ายเหมารวมไปหมด 

คำถามเหล่านี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่เห็นอยู่เป็นประจำและคำตอบขึ้นอยู่กับว่าเรากำลังถามใคร ในกาลเทศะอย่างไร จีนมีอาเซียนเป็นคู่ค้าที่สำคัญและใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ที่มูลค่า 975,000 ล้านดอลลาร์

ตามมาด้วยประชาคมยุโรปที่ 847,000 ล้านดอลลาร์ และสหรัฐอเมริกาที่ 759,000 ล้านดอลลาร์ส่วนไทยนั้นเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 14 ของจีนที่ 135,000 ล้านดอลลาร์ และเสียดุลการค้าให้จีนประมาณปีละ 22,000 ล้านดอลลาร์

สำหรับนักลงทุนทางตะวันตกโดยเฉพาะกองทุนใหญ่ในสหรัฐและยุโรป ทัศนคติเกี่ยวกับจีนเปลี่ยนไปในทางลบมาเป็นระยะตั้งแต่ปีค.ศ. 2017 และโควิดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปัญหาขยายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะเรื่องห่วงโซ่อุปทานและการหยุดเดินทางระหว่างประเทศทั้งเอกชนและรัฐบาล 

เมื่อจีนตัดสินใจเปิดประเทศและยกเลิกโครงการโควิดเหลือศูนย์เมื่อ 8 ธ.ค. ค.ศ. 2022ที่ผ่านมา นักลงทุนและนักธุรกิจแทบทุกอุตสาหกรรมจากต่างประเทศดีใจและเตรียมปรับปรุงแก้ไขยุทธศาสตร์ เพราะมั่นใจว่าการค้ากับจีนจะกระเตื้องขึ้นอย่างแน่นอน แม้กระทั่งไทยก็ยังหวังจีนเป็นตลาดรับสินค้าใหญ่ และนักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาไทยเป็นจำนวนมากจนเราจะตั้งตัวรับไม่ไหว 

แต่ประมาณ 200 วันผ่านไปทุกอย่างดูเหมือนเงียบเหงา นักท่องเที่ยวจากจีนไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศอย่างที่ทั่วโลกคาดไว้ ชาวจีนเป็นจำนวนมากอยากออกนอกประเทศ แต่ไม่ได้รับความสะดวกจากภาครัฐ สายการบินถูกลดเที่ยวบินลงเหลือเพียงแค่ 10% ของจำนวนก่อนโควิด หนังสือเดินทางที่หมดอายุในช่วงโควิดก็มีปัญหาในการต่ออายุ สถานกงสุลอเมริกันในจีนต้องเจอคิวยาวแต่ละวันกว่า 2 กิโลเมตร 

เมื่อเดือนมี.ค.ปีนี้ สำนักงานในปักกิ่งของบริษัทที่ปรึกษาและบริษัทบัญชีใหญ่ของสหรัฐกว่าสองแห่ง ถูกทางการจีนเข้าไปตรวจสอบยึดเอกสาร จับกุมพนักงาน โดยกล่าวหาว่าทำจารกรรมลับ และมีอีกหลายกรณีที่เป็นสัญญาณว่าจีนเข้มงวดขึ้นเรื่องความมั่นคง ทำให้บริษัททางตะวันตกกังวลและกลัวว่าจะบานปลายเป็นเรื่องใหญ่ จะเป็นความเสี่ยงต่อบุคลากรของตนและไม่คุ้มกับการทำธุรกิจในจีนต่อไป ถึงแม้ตลาดการลงทุนของจีนจะมีขนาดถึง 60 ล้านล้านดอลลาร์ก็ไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยง 

สถาบันลงทุนใหญ่ในวอลล์สตรีทพากันถอนตัวออกจากจีนกันเป็นระบบ แทบจะไม่มีใครให้ความเชื่อมั่นกับจีนเหมือนเช่นเคย 

จีนจัดส่งทีมเศรษฐกิจออกไปยังสหรัฐและยุโรปเพื่อเรียกความมั่นใจกลับมาคืนแต่ก็ยังไม่เป็นผล 

ผู้นำทางการเงินในสหรัฐและยุโรปเริ่มตั้งคำถามต่อนโยบายของผู้นำจีนและพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นห่วงเรื่องการบริหารที่มาจากเบื้องบนซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ระดับล่างไม่กล้ามีส่วนร่วม ในการเสนอความคิดเห็นแก้ไขปรับปรุงองค์กร 

เรื่องใหญ่ที่นักลงทุนทางตะวันตกเป็นห่วงมากอีกก็คือ อสังหาริมทรัพย์ หนี้สินของสาธารณะและส่วนบุคคล นโยบายโควิดที่เข้มงวดเกินไป ความเข้มงวดกับบริษัทเทคโนโลยีเกินไป ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีน ความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก และปัญหาโครงสร้างประชากรในจีนที่จำนวนลดลงและสูงวัยเพิ่มขึ้น

บริษัทเงินทุนใหญ่ทางตะวันตกโยกย้ายเงินออกจากจีน จากจีน ไปลงที่สิงคโปร์ แล้วมีเป้าหมายที่จะมา ประเทศอื่นในอาเซียน ซึ่งไทยเป็นเป้าหมายใหญ่

เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีคนใหม่ของจีนเป็นประธานจัดงาน World Economic Forum บริษัทชั้นนำของโลกมาร่วมประชุมทั้งหมด 120 บริษัทจาก 20 ประเทศ ซึ่งน้อยลงเมื่อเทียบกับปี ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมานั้นมี 400 บริษัทจาก 50 ประเทศ และสังเกตว่าครั้งนี้เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของแต่ละบริษัทจะไม่มาเอง แต่กลับส่งเจ้าหน้าที่ระดับกลางมาแทน ผู้เข้าประชุมหวังว่า หลังจากที่รอคอยมากว่าสามปีจะได้ใช้โอกาสครั้งนี้ในการคุยเจรจาเชิงลึก อย่างจริงจัง เรื่องเศรษฐกิจ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม แต่กลับกลายเป็นการเน้นที่ปรัชญาและวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เรื่องบทบาทและความรับผิดชอบของจีนต่อประเทศต่างๆในโลก 

สถาบันการเงินและธนาคารใหญ่เริ่มหันไประดมทุนจากตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อลดความเสี่ยงกับนโยบายและวิธีการของทางตะวันตกที่จะปิดกั้นจีน กองทุนอเมริกันและแคนาดา ลดการลงทุนในจีมเป็นจำนวนมาก Warren Buffett ลดการลงทุนในบริษัท BYD ลงเหลือเพียงแค่ 9% และผันเงินไปลงทุนในญี่ปุ่นแทน นักลงทุนทางตะวันตกถอนเงินออกจากบริษัทปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่างๆของจีน เพราะกลัวการคว่ำบาตรโดยสหรัฐ

ปีนี้เราจะเห็นคณะนักธุรกิจจากจีนเดินทางเข้าออกไทยบ่อยครั้งกว่าปกติ จะมีการแถลงร่วมและสนทนาเชิงลึกในการขยายธุรกิจในไทยจนดูเหมือน จะเป็นยุคทองของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน นักลงทุนและนักศึกษาจากจีนจะมาไทยมากขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะสถานการณ์ในจีนผลักดันให้พวกเขาตัดสินใจออกมาดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด 

เราจะมีรัฐบาลใหม่ในเวลาอีกไม่นานนี้ และถึงแม้รัฐบาลชุดใหม่มีท่าทีเอนเอียงไปทางตะวันตก และอาจจะมีทัศนคติต่อต้านจีน แต่ผมมั่นใจว่าทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี เพราะประวัติความสัมพันธ์ของชาวไทยและชาวจีนมีมานาน อยู่บนพื้นฐานของความเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน 

ชาวจีนโพ้นทะเลอยู่ในไทยมากที่สุดในโลกและความมีไมตรีตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา จะส่งผลให้หลายอุตสาหกรรมในจีนซึ่งหันมาใช้ไทยเป็นฐานประสบความสำเร็จทั้งผู้ลงทุนที่มาจากต่างประเทศ และเจ้าบ้านซึ่งมีความโอบอ้อมอารีและมีน้ำใจตลอดมาครับ