ภัยแล้งรุนแรง 'สถาบันคลังสมองฯ' เตือนอย่าเล่นการเมืองจนลืมทุกข์ประชาชน
"สถาบันคลังสมองชาติ" ชี้เอลนีโญรุนแรง แนะรัฐบาลใหม่เตรียมตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ หวั่นภัยแล้งกระทบเศรษฐกิจวงกว้าง เกิดปัญหาการแย่งน้ำระหว่างเกษตร – อุตสาหกรรม แนะต้องเลิกเล่นเกมการเมือง หันมาวางแผนรับวิกฤตร่วมกันเพราะวิกฤตใกล้จะมาถึงแล้ว
นายสมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการอาวุโส สถาบันคลังสมองของชาติ กล่าวว่าสภาวะเอลนีโญที่จะเกิดขึ้นจะทำให้เกิดภาวะร้อนและแล้งรุนแรงกว่า 3 ปี โดยความชัดเจนจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ในเดือน ต.ค.ซึ่งจะเริ่มเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ขณะที่ฝนที่ตกอยู่ในตอนนี้ตกใต้เขื่อน ทำให้น้ำที่กักเก็บในเขื่อนจะไม่เพียงพอที่จะรับมือภัยแล้งในฤดูร้อนหน้าที่จะมาถึง
เอลนีโญกระทบหลายพื้นที่
สำหรับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญและภัยแล้งรุนแรงจะกระทบกับการทำนา ซึ่งการทำนาปรังไม่สามารถทำได้ ขณะที่ข้าวนาปีบางพื้นที่จะผลผลิตไม่ดี เช่นเดียกับพืชไร่ เช่น อ้อย มันสำปะหลัง จะมีปัญหาในการขาดน้ำและผลผลิตไม่ดี ส่วนในพื้นที่ที่มีการปลูกผลไม้ ได้แก่พื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งปัจจุบันมีการปลูกทุเรียนจำนวนมากซึ่งทุเรียนเป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก อาจทำให้เกิดการแย่งน้ำกันระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับภาคเกษตร หรือการแย่งน้ำในการอุปโภค บริโภค กับน้ำที่จะใช้ในภาคเกษตร และอุตสาหกรรม
ขณะที่ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ก็จะได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำทะเลหนุน เนื่องจากมีน้ำจืดไม่พอที่จะใช้ผลักดันน้ำเค็มกลับสู่ทะเล
“ภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นจากเอลนีญโญ เป็นวิกฤติที่จะเกิดชัดขึ้น และในแต่ละพื้นที่จะมีผลกระทบแตกต่างกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะต้องมีคณะกรรมการเฉพาะขึ้นมาดูแลผลกระทบ ซึ่งคณะกรรมการเฉพาะกิจที่จะทำงานในเรื่องนี้ โดยนายกรัฐมนตรีอาจจะลงมาดูแลสั่งการเรื่องนี้ หรืออาจสั่งการให้รองนายกรัฐมนตรีเข้ามาดูแลสั่งการเรื่องนี้โดยตรง โดยมาตรการที่สามารถเริ่มทำได้ก่อน คือการรณรงค์ให้เริ่มมีการใช้น้ำอย่างประหยัดเพื่อเตรียมรับมือกับภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น” นายสมพรกล่าว
นายสมพรกล่าวด้วยว่าเอลนีญโญเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ ที่จะทำให้เกิดภัยแล้งรุนแรงในระดับวิกฤติ และวิกฤตินี้กำลังจะเกิดขึ้นและเริ่มรุนแรงมากขึ้นในอีก 2 – 3 เดือนข้างหน้า และจะกระทบเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชนมากในวงกว้าง ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่จะต้องมาเตรียมแก้ปัญหา แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าใครที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล
แต่ในขณะนี้ ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา ก็ไม่มีการพูดถึงการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่มีการเสนอแนวทางเตรียมพร้อมอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อจะแก้วิกฤตินี้ แต่กับมุ่งไปที่เล่นเกมการเมือง หรือการแก้ไขกฎหมายที่ไม่ได้เกี่ยวกับการแก้วิกฤติที่จะเกิดขึ้นเลย
“นักการเมืองในวันนี้ทำเหมือนมองไม่เห็นชะตากรรมประชาชนที่จะประสบปัญหาในออีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่มุ่งไปที่การเล่นเกมการเมืองทำเพื่อตัวเองเป็นหลักไม่ได้เอาปัญหาของประชาชนเป็นตัวตั้ง โดยเรื่องที่จะทำไม่เกี่ยวกับทุกข์ร้อนประชาชน ซึ่งถ้าบอกว่าจะเป็นนายกฯของคน 60 ล้านคน ไม่ใช่แค่ 14 ล้านคนที่เลือกมา ต้องกลับมาให้ความสำคัญกับปัญหาที่จะกระทบเศรษฐกิจ และปากท้องของประชาชนเป็นหลักและวางแผนแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่ทำเหมือนกัปตันขับเรือหางยาว ที่จะมาขับเครื่องบิน” นายสมพร กล่าว