จดไว้ ครม. นัดแรก 'รัฐบาลเศรษฐา' ลดดีเซล 30 บาทต่อลิตร

จดไว้ ครม. นัดแรก 'รัฐบาลเศรษฐา' ลดดีเซล 30 บาทต่อลิตร

จำให้ขึ้นใจ รัฐบาล "เศรษฐา" ให้คำมั่น ประชุม ครม. นัดแรก พร้อมลดราคาน้ำมันดีเซลเหลือทันที วงในคาด อยู่ที่ลิตรละ 30 บาท 

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษ์ผ่านรายการ "เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand" เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2566 ว่า จากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประกาศจะลดราคาพลังงานทั้งน้ำมันดีเซล และค่าไฟฟ้าทันทีในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก นั้น  แน่นอนว่าการจะลดราคาน้ำมันดีเซลคงจะไม่มีกลไกอื่นที่จะใช้นอกจากภาษีสรรพสามิต และสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

อย่างไรก็ตาม เมื่อกระทรวงการคลังมีการเก็บภาษีน้ำมันดีเซลบวกกับภาษีท้องถิ่นที่เฉลี่ยลิตรละกว่า 6 บาท ภายหลังจากหมดมาตรการลดภาษีไปช่วงวันที่ 22 ก.ค. 2566 ที่ผ่านมา เกิดการตรึงตัวของกองทุนน้ำมันฯ ในการแบกภาระเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในเรื่องของราคาน้ำมันดีเซล ดังนั้น รัฐบาลจะใช้วิธีการปรับลดภาษีและปรับลดภาระกองทุนน้ำมันฯ ด้วย เพื่อลดภาระให้กับประชาชน จึงตั้งเป้าว่าจะลดราคาน้ำมันดีเซลได้แน่นอน

ทั้งนี้ ในภาพรวมระยะยาว ตราบใดที่กองทุนน้ำมันฯ ยังคงแบกรับภาระหนี้ติดลบอยู่ ภาครัฐจะต้องล้างหน้ากระดานหนี้ของกองทุนน้ำมันฯ ก่อน แล้วจึงค่อยปรับโครงสร้างได้อย่างเหมาะสม โดยปัจจุบันราคาดีเซลขายหน้าสถานีบริการน้ำมันที่ลิตรละ  31.94 บาท ลงได้ทันทีส่วนตัวเลขเป้าหมายคือลิตรละ 30 บาท หรือไม่นั้น คงต้องรอให้เป็นมติของครม. ซึ่งตอนนี้มีตัวเลขที่คิดในใจก็ระดับไม่ใกล้ไม่ไกลจากนี้แน่นอน

"ในกลไกการลดราคาดีเซลจะมีการดำเนินงานของทางราชการและครม.ที่จะดำเนินการในรายละเอียดร่วมกัน จึงยังไม่อยากสัญญาว่าราคาจะลดลงมาเหลือลิตรละเท่าไหร่ แต่จะไม่หนีไปจากลิตรละ 30 บาทแน่นอน ดังนั้น หากตัวเลขผิดพลาดจะมีปัญหา แต่ยืนยันว่าลดลงจากเดิมแน่นอน โดยจะใช้วิธีลดการจัดเก็บภาษีลง จริง ๆ ซึ่งในหลักการคิดก็คือกระเป๋าเดียวกันของรัฐทั้งคู่อยู่แล้ว" 

อย่างไรก็ตาม ในการบริหารราคาน้ำมันระยะถัดไปก็จะไปแตะด้านโครงสร้าง ซึ่งยังต้องดูต่อในเรื่องของรายละเอียด คงต้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งมีหน้าที่หลักที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูรายละเอียด เนื่องจากมีทั้งค่าการตลาด ราคาค่าภาษี เป็นต้น เช่นราคาน้ำมันตลาดโลก ปัจจุบันเฉลี่ย 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อนำเข้ามาเป็นน้ำมันดิบในประเทศไทยฐานราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ราว 18-19 ดอลลาร์เท่านั้นเอง ที่เหลือคือโครงสร้างของภาษีรวมทั้งภาษีท้องถิ่น ค่าการกลั่น จุดนี้ต้องดูในรายละเอียด เพราะมีผู้เกี่ยวข้องหลายส่วนซึ่งในระยะยาวก็จะต้องเข้าไปดูในรายละเอียดอีกครั้ง 

ส่วนการลดราคาน้ำมันเบนซินนั้น เป็นที่ทราบกันอยู่ว่าน้ำมันเบนซินในประเทศไทยการใช้น้ำมันดีเซลมีสัดส่วนถึง 70% ส่วนเบนซินอยู่ที่ 30% ซึ่งน้ำมันดีเซลเป็นน้ำมันที่ใช้ในภาคขนส่ง และภาคอุตสาหกรรมเป็นหบลัก ดังนั้น น้ำมันเบนซินส่วนใหญ่ใช้ในกลุ่มรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์ 2 ล้อ ซึ่งรัฐบาลอาจจะเข้ามาใช้วิธีการอุดหนุนเฉพาะกลุ่มแทน ซึ่งจะไม่ทั้งหมดรวมเหมือนน้ำมันดีเซล

สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิ ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2566 ติดลบอยู่ที่ 55,091 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชี LPG ติดลบ 44,716 ล้านบาท ส่วนบัญชีน้ำมันติดลบ 10,375 ล้านบาท