สนพ. ชี้ ก๊าซอ่าวไทยผลิตไม่ถึงเป้า เร่งถก กรมเชื้อเพลิงฯ แก้ไฟงวดต้นปี 67 แพง
"สนพ." คาดแนวโน้มราคาพลังงานครึ่งปีหลังโดยเฉพาะไตรมาส 4 มีแนวโน้มขยับสูง รับการผลิตก๊าซฯ จากแหล่งเอราวัณปลายปีนี้ไม่ถึง 600 ล้านลบ.ฟุต/วัน ต้องนำเข้า LNG บางส่วน พร้อมเร่งรับมือภัยแล้งอาจดันต้นทุนนำเข้าไฟสปป.ลาวพุ่ง กระทบค่าไฟงวดต้นปี 2567
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สนพ.คาดการณ์ราคาน้ำมันครึ่งปีหลังน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล, เบนซินเฉลี่ย 69-105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และดีเซล 91-98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยทิศทางในไตรมาส 4 มีสัญญาณในการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศตะวันตก และยังมีปัจจัยจากซาอุดิอาระเบียที่จะขยายเวลาการลดกำลังการผลิตที่ต้องติดตามใกล้ชิด รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ราคาพลังงานทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) เอทานอลในช่วงไตรมาส 4 ภาพรวมคาดว่าจะสูงขึ้น ยกเว้นในส่วนของไบโอดีเซล (B100) ที่มีทิศทางลดลงจากตลาดโลกมีความเข้มงวดในเรื่องของผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
สำหรับแนวโน้มการใช้พลังงานปี 2566 สนพ.ได้ปรับคาดการณ์ใหม่ให้สอดรับกับสมตติฐานต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไปโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไทยจากเดิมสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)คาดการณ์ไว้จากเดิม ณ 21 พ.ย.65 จะเติบโต 3-4 % เป็น ณวันที่ 21 ส.ค.66 โตเหลือ 2.5-3% รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนและราคาน้ำมันดิบและเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้การใช้พลังงานขั้นต้นปี 2566 จะอยู่ที่ 2,033 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันเพิ่มขึ้น 2.1% จากปีก่อนซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้เดิม ณ ก.พ. 66 ที่ 2,047 พันบาร์เรลต่อวันเพิ่มขึ้น 2.8% จากปีก่อน
ทั้งนี้ การใช้พลังงานภาพรวมทั้งปี อาจเพิ่มสูงขึ้นอีก หากนโยบายรัฐบาลมีการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่จะฟรีวีซ่ากับนักท่องเที่ยว รวมถึงราคาพลังงานก็เป็นปัจจัยการใช้ที่เพิ่มและลดเช่นกัน แต่ในแง่ของการใช้ถ่านหิน/ลิกไนต์ ทั้งปีจะลดลง 5.4% เพราะราคาแพงทำให้การใช้ลดลง
ขณะที่ไฟฟ้าพลังน้ำ/ไฟฟ้านำเข้าปีนี้ก็จะลดลง 13.7% เนื่องจากปัญหาภัยแล้งที่จะกระทบปริมาณน้ำในเขื่อนจากสปป.ลาวทำให้สนพ.กำลังหารือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพราะกังวลเรื่องต้นทุนที่อาจสูงขึ้นที่จะต้องปรับมาใช้เชื้อเพลิงอื่นแทนซึ่งกฟผ.จะดูอีกที
สำหรับการผลิตพลังงานเชิงพาณิชย์ขั้นต้น 6 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.66) ของไทยอยู่ที่ 678 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ลดลง 4.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากปัจจัยหลักคือแหล่งน้ำมันดิบทานตะวันที่ลดลงถึง 30% และแหล่งก๊าซเอราวัณ (G1/61) จากการหารือร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่วางเป้าจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 600 ล้านลูกบาศหก์ฟุตต่อวันในสิ้นปี คงจะอยู่เท่าเดิมที่เพียง 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แต่ก็ได้รับคำยืนยันว่าภายในเม.ย.2567 จะเพิ่มเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันแน่นอน ดังนั้น ปลายปีที่ไม่เป็นไปตามแผนต้องนำเข้า LNG เข้ามาแต่ปริมาณเท่าใดคงจะต้องดูว่าทางกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจะไปเร่งการผลิตในแหล่งอื่น ๆ มาเสริมได้มากน้อยเพียงใดด้วย
อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ในระบบ 3 การไฟฟ้าพบว่าเมื่อวันที่ 6 พ.ค.66 เวลา 21.41 อยู่ที่ 34,827 เมกะวัตต์ ถือเป็นสถิติสูงสุดของพีคที่เกิดขึ้นช่วงกลางคืน ที่ขณะนี้มีมากขึ้นต่างจากอดีตเพราะการเข้ามาของพลังงานทดแทนเช่น โซลาร์ ลม ที่มีการผลิตในช่วงกลางวันเป็นหลัก ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายจะต้องมาพิจารณาในเรื่องของการส่งเสริมพลังงานที่ควบคู่ไปกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ซึ่งกฟผ.ได้วางแนวทางการพัฒนากักเก็บในรูปของก๊าซไฮโดรเจนที่ลำตะคองและจะขยายไปยังที่อื่น ๆ