"ธรรมนัส”เคลื่อนกระทรวงเกษตร ย้ำทำงานเป็นทีม ปลดภาระก่อโอกาสเกษตรกรไทย

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่าต้องวางแผนในเชิงรุกมีเป้าหมายเพื่อให้เกษตรกรหลุดพ้นจากการเป็นหนี้สิน มีรายได้เพียงพอที่จะดำรงชีพต่อไปได้โดยมีผู้สืบทอดเป็นเกษตรรุ่นใหม่ที่รักและภูมิใจในอาชีพ  

 

ทั้งนี้ ในเนื้อหาของแผนการทำงานจะลงรายละเอียดของงบประมาณไว้ทุกกรมที่อยู่ในสังกัดการบริหารจัดการ สำหรับนโยบายระยะสั้น จะมุ่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยเร่งเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้ง รวมทั้งภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในอนาคต สร้างรายได้เสริมอาชีพระหว่างพักหนี้ เพื่อสนับสนุนนโยบายพักหนี้เกษตรกรของรัฐบาล และเพื่อช่วยประคองภาระหนี้ โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนำวัสดุเหลือใช้การเกษตรมาใช้ประโยชน์ เพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ ต่อยอดสู่คาร์บอนเครดิตในภาคเกษตรได้

นอกจากนี้ ส่วนนโยบายสร้างรายได้ให้ภาคเกษตร จะเน้นลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต สร้างมูลค่าเพิ่ม โดยอาชีพบริการทางด้านการเกษตรแก้ปัญหาประมง รวมทั้งแก้ปัญหาด้านกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับอุตสาหกรรมประมงให้เหมาะสม

“จะเร่งแก้ปัญหาการทำประมง ที่ต้องเป็นไปตามกฎการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู) เพื่อเร่งการฟื้นอุตสาหกรรมประมงให้กลับมาเป็นแหล่งรายได้ของประเทศ แต่การแก้ปัญหาค้างเก่านั้น จะต้องไม่สร้างปัญหาขึ้นมาใหม่”

 ทั้งนี้ ไทยถือเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าประมงจำนวนมาก การปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติของไอยูยูมีความจำเป็น แต่ชาวประมงของไทยต้องสามารถอยู่ได้ ประกอบอาชีพได้ ไม่ใช่มีกฎระเบียบที่มากเกินไปจนเป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกร

ในด้านหนี้สินของเกษตร ยังเป็นภาระและอุปสรรคที่ไม่สามารถลงทุนในอาชีพภาคการเกษตรต่อไปได้ การแก้ปัญหาจึงจะเริ่มจากการพักหนี้ให้เกษตรกรก่อน ตามเงื่อนไขและคุณสมบัติที่เหมาะสม และมาตรการช่วยประคองภาระหนี้สินไม่ให้เป็นภาระต่อการดำเนินอาชีพเกษตรกร โดยเรื่องนี้ต้องประสานกับสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ ทั้งธนาคารรัฐและเอกชน ซึ่งส่วนใหญ่เกษตรกรจะมีหนี้สินอยู่กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งคาดว่าจะสามารถเจรจาเงื่อนไขได้ง่ายขึ้น 

 

ด้านปศุสัตว์ ที่ปัจจุบันมีการลักลอบนำเข้าจำนวนมาก ทั้งหมู ไก่ และเครื่องในสัตว์ มีความสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นสาเหตุในการระบาดของโรคในประเทศ ซ้ำเติมเกษตรกรที่ปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์มีต้นทุนสูงอยู่แล้ว ดังนั้น กรมปศุสัตว์ต้องเร่งกวาดล้างการลักลอบนำเข้าเหล่านี้ โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากกระทรวงการคลัง กรมศุลกากร และหน่วยงานเกี่ยวกับความมั่นคงต่างๆ เพื่อไม่ให้สินค้าผิดกฎหมาย เข้ามาทำลายสินค้าเกษตรในประเทศ

 “กระทรวงเกษตรฯ ต้องเร่งทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย สร้างรายได้ให้เกษตรกรเพิ่มขึ้น เบื้องต้นโจทย์ใหญ่คือการลดต้นทุนของเกษตรกรให้มากที่สุด เพื่อให้เหลือส่วนต่างเป็นรายได้สุทธิมากที่สุด จะทำให้เกษตรกรมีทุนพอที่จะประกอบอาชีพต่อไปได้" 

สำหรับการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) นั้น นอกจากจะตรวจสอบพื้นที่ถือครองไม่ถูกต้องแล้ว ต้องเร่งดำเนินการมอบสิทธิทำกินให้เกษตรกรด้วย รวมทั้งจะพิจารณาเปลี่ยนเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.4-01 ให้เป็นโฉนด เพื่อที่เกษตรกรจะได้ใช้ประโยชน์โดยสมบูรณ์ 

แผนระยะกลางและระยะยาว คือการบริหารจัดการภาคเกษตรที่ครบถ้วนทุกด้าน ตั้งแต่ดิน น้ำ พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ กลไกราคา แหล่งเงินทุน เทคโนโลยีนวัตกรรม และกรรมสิทธิ์ที่ดินของเกษตรกรผู้ปลูกพืช ผู้เลี้ยงปศุสัตว์ และกลุ่มประมง และกระทรวงเกษตรฯ จะเดินหน้าสนับสนุนให้เปลี่ยนแปลงการปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและเศรษฐกิจ และการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น

จะมีการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพของภาคการเกษตร การบูรณาการองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการแปลงเกษตรด้วยนวัตกรรมเกษตรแม่นยำ (Precision Farming) การวิจัย พัฒนาพันธุ์ เพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มมูลค่าผลตอบแทนต่อไร่ให้สูงขึ้น การหาตลาดให้สินค้าเกษตรได้ขายในราคาที่เหมาะสม

“การมาครั้งนี้เพื่อร่วมสร้างครอบครัวเกษตร บูรณาการงานให้เข้มแข็งเป็นทีมเวิร์ก ให้มีศักยภาพในการทำงานรับในระบบทีมมุ่งมั่นร่วมแรงร่วมใจบรรลุเป้าหมายสำเร็จ พร้อมประกาศสงครามกับสินค้าเกษตรเถื่อน มุ่งปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ให้กระทบราคาผลผลิตในประเทศ ตลอดจนไม่ให้มีการกักตุนและเก็งกำไรเกินควร ในช่วงผลผลิตจะออกสู่ตลาด และมุ่งบริหารจัดการน้ำทั้งระบบให้เกิดประสิทธิภาพ”

อย่างไรก็ตาม นโยบายและแนวทางเหล่านี้จะเกิดเป็นผลสำเร็จ จะต้องเกิดจากความร่วมมือร่วมใจทำงานอย่างบูรณาการแบบทีมและครอบครัวไปด้วยกัน เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จเพื่อพี่น้องเกษตรกรอยู่ดีกินดี สินค้าเกษตรมีมูลค่าสูง ทรัพยากรการเกษตรเกิดความยั่งยืน