ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเพิ่มขึ้น กังวลภาวะน้ำมันตึงตัว

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเพิ่มขึ้น กังวลภาวะน้ำมันตึงตัว

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดวันจันทร์ (18ก.ย.)ปรับตัวขึ้น 71 เซนต์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัว

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ บวก  71 เซนต์ ปิดที่ 91.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ ปิดที่ 93.43 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทั้งนี้ ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 สัปดาห์ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2565 และมีแนวโน้มทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายไตรมาสนับตั้งแต่ที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครนในไตรมาส 1 ของปี 2565

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในไม่ช้า

"หากโอเปกพลัสยังคงลดการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่เอเชียมีความต้องการใช้น้ำมันจำนวนมาก เราเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลก่อนถึงปี 2567" รายงานของแบงก์ ออฟ อเมริกา ระบุ

ด้านนายคริสเตียน มาเลค หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านพลังงานของเจพีมอร์แกน กล่าวว่า เขาเชื่อว่าราคาน้ำมันจะมีการซื้อขายอยู่ในช่วง 80-100 ดอลลาร์ในระยะสั้น และอยู่ที่ 80 ดอลลาร์ในระยะยาว

สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เตือนว่า การปรับลดอุปทานน้ำมันของซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย จะทำให้ตลาดเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันในไตรมาส 4

ซาอุดีอาระเบียประกาศขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่รัสเซียขยายเวลาปรับลดการส่งออกน้ำมันสู่ระดับ 300,000 บาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เช่นกัน

ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนหลังจากที่จีนเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกสูงกว่าคาดในเดือนส.ค.

นอกจากนี้ ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้