ราคาทองฟิวเจอร์ร่วงกว่า 5 ดอลล์ เหตุดอลลาร์แข็งค่า,บอนด์ยีลด์พุ่งฉุดตลาด
ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดวันอังคาร(3ต.ค.)ปรับตัวร่วงลงกว่า 5 ดอลลาร์ โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนธ.ค. ลบ 5.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,841.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ขณะที่การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นอกจากนี้ นักลงทุนพากันเทขายทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังคลายกังวลเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์
สภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงในการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว และส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามเป็นกฎหมายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์
ขณะเดียวกัน ราคาทองถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปี 2566 โดยอาจเกิดขึ้นในการประชุมเดือนพ.ย.หรือธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงิน 2 ครั้งที่เหลือในปีนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง
สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน พุ่งขึ้นเกือบ 700,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 9.61 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8.8 ล้านตำแหน่ง
ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 163,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. จากระดับ 187,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะปรับตัวลงสู่ระดับ 3.7% จากระดับ 3.8% ในเดือนส.ค.