ถอยแล้ว!! รัฐบาลเล็งยกเลิกแจกเงินดิจิทัลคนรวย
รัฐบาลเล็งยกเลิกแจกเงินดิจิทัลคนรวย ชงนายกฯตัดสิน 2 ทางเลือกสัปดาห์หน้า คือ แจกเฉพาะถือบัตรคนจน 16 ล้านคน หรือ ตัดคนที่มีรายได้มากกว่า 2.5 หรือ 5 หมื่นบาท เงินฝาก 1 หรือ 5 แสนบาท เคาะแหล่งเงินจากงบรายจ่ายแต่ละปี มอบกรุงไทยพัฒนาระบบ คาดเลื่อนระยะเวลาใช้ 7-8 เดือน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทว่า ที่ประชุมมีมติเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณารายละเอียดโครงการในด้านต่างๆ ทั้งในเรื่องแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ กลุ่มคนที่เข้าเงื่อนไข และรัศมีการใช้จ่าย คาดว่า จะเสนอผลการประชุมได้เร็วสุดภายในสัปดาห์หน้า
สำหรับกลุ่มคนที่เข้าเงื่อนไขนั้น ที่ประชุมมีความเห็นว่า ควรจะโฟกัสกลุ่มการแจกเงิน โดยมีข้อเสนอใน 2 ทางเลือก คือ 1.จำกัดเฉพาะผู้ถือบัตรคนจนที่มีอยู่ประมาณ 15-16 ล้านคน 2.ตัดกลุ่มที่มีรายได้สูงออกไป โดยกลุ่มนี้ มีข้อเสนอ 2 ทางเลือก คือ 1.ตัดคนที่มีเงินเดือนมากกว่า 2.5 หมื่นบาท และหรือมีเงินฝาก1 แสนบาท เมื่อตัดกลุ่มนี้ออกไปจะเหลือคนที่จะได้รับแจก 43 ล้านคน 2.ตัดคนที่มีเงินเดือนมากกว่า 5 หมื่นบาท และหรือมีเงินฝากมากกว่า 5 แสนบาท เมื่อตัดกลุ่มนี้ออกไปจะเหลือคนที่ได้รับแจก 49 ล้านคน
ส่วนแหล่งเงินนั้น ที่ประชุมเห็นว่า ควรใช้จากงบประมาณเป็นหลัก ซึ่งตรงกับแนวคิดเดิม โดยจะทยอยใช้งบในแต่ละปีๆละประมาณ 1 แสนล้านบาท เริ่มจากปีงบประมาณ 2567 ส่วนแหล่งเงินอื่นนั้น เราจะเสนอเป็นทางเลือกท้ายๆ ทั้งการกู้เงิน การใช้เงินนอกงบประมาณจากมาตรา 28 หรือ การใช้เงินจากหน่วยงานอื่น
“ตอนนี้ เรื่องการใช้เงินจากธนาคารออมสินนั้น ให้ตัดออกไปได้เลย เพราะพิจารณาแล้วว่า ขัดต่อกฎหมายของธนาคาร แต่ยอมรับว่า ที่ผ่านมา เราเคยมีแนวคิดที่จะใช้เงินจากแหล่งนี้”
ทั้งนี้ เมื่อแหล่งเงินจะมาจากงบประมาณรายจ่าย ดังนั้น การนำโครงการนี้ไปใส่ในปีแรกคือปีงบ 2567 จึงต้องใช้เวลาในการพิจารณา อาจทำให้โครงการนี้ล่าช้าไป 7-8 เดือน แต่เราจะพยายามทำให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เขากล่าวว่า เมื่อที่ประชุมเห็นว่า แหล่งเงินที่จะนำมาใช้นั้น จะทยอยใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายในแต่ละปีดังนั้น จึงกระทบต่อเงื่อนไขการขึ้นเงินในขั้นสุดท้ายจึงต้องขยายออกไปด้วย โดยรัฐบาลจะเสนอเงื่อนไขพิเศษให้สำหรับร้านค้าที่มาขึ้นเงินในปีท้ายๆ โดยผู้ที่มีคุณสมบัติในการนำเงินมาขึ้นได้จะต้องอยู่ในระบบภาษี 3 ตัว คือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ส่วนรัศมีการใช้จ่ายนั้น ที่ประชุมมีมติว่า สามารถใช้จ่ายในเขตอำเภอที่อยู่อาศัย เนื่องจาก ประเมินแล้วว่า เป็นพื้นที่ที่ไม่ใหญ่เกินไปที่จะเป็นที่กระจุกตัวของเงิน และ มีร้านค้ารองรับที่เพียงพอ ส่วนประเภทสินค้าที่ใช้จ่ายได้ จะต้องเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคและบริโภค สำหรับการใช้จ่ายในมือแรกจะต้องใช้จ่ายภายใน 6 เดือน หากไม่ใช่จะยึดเงินคืน
ด้านผู้จัดทำระบบการใช้จ่ายนั้น ที่ประชุมมอบหมายให้ธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจาก เป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมในการพัฒนาระบบและมีประสบการณ์ที่มีการพัฒนาระบบแอปพลิเคชันของรัฐส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบนั้น ยืนยันไม่ถึงหลักหมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน ทั้งนี้ เรายืนยันที่จะพัฒนาระบบใหม่ ไม่ใช้แอปเป๋าตัง
เขายืนยันในหลักการของการดำเนินโครงการนี้ว่า จะเป็นโครงการที่เข้าไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ