‘เศรษฐา’ สั่งกระทรวงเศรษฐกิจ เกาะติด ‘สถานการณ์อิสราเอล’ หวั่นสงครามขยายวง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังเปิดเผยภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ว่าในการประชุม สมช.วันนี้มีการหารือข้อมูลสถานการณ์ของสงครามในอิสลาเอลโดยละเอียด โดยข้อมูลในขณะนี้พบว่าสงครามมีแนวโน้มจะขยายตัวไปในระดับภูมิภาค โดยไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่าง 2 ฝ่าย หรือในประเทศใกล้เคียงอย่างจอร์แดน และเลบานอนเท่านั้น ซึ่งตอนนี้มีการไปพูดคุยกันใน 10 ประเทศ แล้วที่ต้องมีการเตรียมพร้อมเรื่องของการอพยพด้วย ซึ่งเราต้องมีการประเมินกันอีกที เพราะตอนนี้มีความเป็นไปได้ที่สงครามจะขยายวงไปเพราะในขณะนี้เริ่มมีการทำสงครามไซเบอร์ และการใช้โดรนเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งเป็นสัญญาณว่าสงครามจะขยายวงไปมากขึ้น 

“เรามีความเป็นห่วงว่าสงครามจะขยายไปยังประเทศใกล้เคียง ซึ่งก็ต้องดูว่าการอพยพแรงงานไทยในประเทศใกล้เคียงนั้นจำเป็นหรือไม่ ส่วนแรงงานไทยในอิสราเอลนั้นหากมีความจำเป็นที่จะกลับไทยก็ขอให้มีการแจ้งกลับมาเพื่อที่จะมีการอพยพได้มากขึ้น รวมทั้งแรงงานไทยที่ไม่ได้ไปตามช่องทางปกติก็ต้องมีการแจ้งสถานการณ์ความรุนแรงของเหตุการณ์เพื่อให้เขาตัดสินใจอพยพออกมา โดยรัฐบาลจะสื่อสารตรงไปยังแรงงานโดยตรง โดยต้องคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงแรงงาน โดยส่งข้อความตรงจากรัฐบาลไปแจ้ง”

ส่วนการช่วยตัวประกันชาวไทยนั้นเป็นเรื่องสำคัญ และขอให้ทุกหน่วยงานที่ทำงานอยู่ตรงนี้เชื่อมต่อข้อมูลกันเพื่อให้ได้ผลโดยเร็วที่สุด

ส่วนผลกระทบจากสงครามที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไรนั้นได้มีการพูดคุยกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในด้านเศรษฐกิจอยู่แล้วถึงผลกระทบที่ประเทศไทยจะได้รับ เมื่องครามในอิสราเอลขยายวงออกไป โดยเมื่อวานนี้ (1 พ.ย.)ได้มีการหารือกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในเรื่องของสถานการณ์ราคาพลังงาน โดยในเร็วๆนี้ทางกระทรวงพลังงานก็จะมีการเสนอแผนเรื่องของความมั่นคงทางด้านพลังงานให้รับทราบ เพราะว่าเรื่องนี้มีความจำเป็นเพราะหากสงครามจะขยายวงกว้างออกไปก็จะมีผลกระทบในส่วนนี้มากขึ้นด้วย

“แม้ว่ากลุ่มประเทศที่คาดว่าจะเข้ามาเกี่ยวข้องเมื่อมีการขยายวงกว้างของสงครามออกไปนั้นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจจะมีน้อย แต่ต้องระมัดระวัง ซึ่งสิ่งที่สำคัญกว่าคือความรุนแรงที่อาจจะกระทบกับประชาชนไทยที่อยู่ในประเทศนั้นๆซึ่งต้องมีการเตรียมการรับมือต่อไป ซึ่งต้องมีการทำแผนและการเริ่มแจ้งเตือนเหมือนกัน”