ไทย ดันแผน พัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน ป้องผลประโยชน์ของประเทศ
คณะกรรมแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย เร่งเตรียมการเข้าร่วมประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 30 ณ กัมพูชา 24 พ.ย.นี้ สั่ง สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือกันปกป้องผลประโยชน์ของประเทศและรักษาความร่วมมือประเทศสมาชิกพัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยครั้งที่ 2/2566ว่า ได้พิจารณาเตรียมการสำหรับการเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 30 และการประชุมระหว่างคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง กับหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ 28 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย. นี้ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งมีกรอบการหารือที่สำคัญได้แก่
1.องค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุม และ 2. การอนุมัติTORของผู้บริหารสูงสุดของสำนักเลขาธิการกรรมาธิการแม่น้ำโขง(MRCS CEO)เพื่อสรรหาคนของประเทศไทยเข้ารับตำแหน่ง โดยจะดำเนินการสรรหาในปี2567และเข้าดำรงตำแหน่งในปี ม.ค.2568 -ม.ค.2571
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกรอบการหารือในการประชุมดังกล่าว พร้อมมอบหมายให้สทนช. เสนอต่อ ครม. ให้ความเห็นชอบ และให้เสนอองค์ประกอบของคณะผู้แทนไทย ต่อ ครม. เพื่อทราบในคราวเดียวกันด้วยพร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบต่อการปรับปรุงคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการวิชาการ ภายใต้คณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยโดยเพิ่มผู้แทน 2 หน่วยงาน ได้แก่
สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน)และกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การให้ข้อคิดเห็นด้านวิชาการและการพิจารณากำหนดท่าทีของฝ่ายไทยในการประชุมเป็นไปอย่างรอบคอบรัดกุม และครอบคลุมทุกมิติ เพื่อให้การกำหนดนโยบายของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ สัมพันธ์กับสภาพการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศในระดับประเทศและระดับภูมิภาค สอดคล้องตามหลักการที่เป็นสหวิชาการและบรรลุผลตามเจตนารมณ์ภายใต้พันธกรณีของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2538 โดยจะมีการลงนามคำสั่งแต่งตั้งต่อไป
“คณะกรรมการยังได้ติดตามความคืบหน้าของกระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้าของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคามและเขื่อนภูงอย ของ สปป.ลาว โดยสำหรับทั้งสองโครงการ สทนช. ได้ประสานงานกับMRCSและประเทศสมาชิก เพื่อดำเนินการอย่างรอบคอบ โดยในวันนี้ได้เน้นย้ำให้ สทนช. เร่งดำเนินการตามมติที่ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประสานงานกับหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับงานต่าง ๆ ของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยอย่างใกล้ชิด
และยังได้เน้นย้ำหน่วยงานให้ความร่วมมือกับ สทนช. อย่างเคร่งครัด โดยนำข้อเสนอแนะที่ได้รับไปดำเนินการต่อให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ รวมทั้งรักษาความร่วมมือกับประเทศสมาชิกในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน”
นายสุรสีห์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้ติดตามประเด็นสำคัญต่าง ๆ อาทิ สถานการณ์แม่น้ำโขงและการคาดการณ์ล่วงหน้าจนถึงสิ้นปี ความความก้าวหน้าของการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU)ว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ ระหว่าง สทนช. แห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สปป.ลาว ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการเร่งรัดจัดทำ เพื่อให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านอุตุ – อุทกวิทยา และข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการเขื่อนตอนบนในลุ่มน้ำโขงที่มีผลกระทบต่อการบริหารจัดการน้ำตอนล่ างและส่งผลถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ 8 จังหวัดริมฝั่งแม่น้ำโขง เป็นไปอย่างรวดเร็วและคล่องตัว ทันต่อการบริหารจัดการน้ำและแจ้งเตือนประชาชนริมฝั่งแม่น้ำโขง เป็นต้น
โดย สทนช. จะเร่งดำเนินการตามมติที่ประชุมและปฏิบัติตามข้อกำชับของรองนายกรัฐมนตรี เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารจัดการแม่น้ำโขงร่วมกับประเทศสมาชิก ควบคู่ไปกับการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงและรักษาผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ