9 สายการบินน้องใหม่ 'หมอเสริฐ-ประยุทธ์-พาที' รับใบอนุญาตประกอบกิจการ
กพท.เปิดรายชื่อ 9 สายการบินจดทะเบียนใหม่ หนุนภาพอุตสาหกรรมการบินไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่สถานภาพแอร์ไลน์ในไทยยังฐานะการเงินแข็งแกร่ง มั่นใจปีนี้ปิดตัวเลขผู้โดยสาร 127 ล้านคน ก่อนปีหน้ากลับสู่สถานการณ์ปกติ
นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการบินในไทยตอนนี้สะท้อนให้เห็นแล้วว่าอยู่ในช่วงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และในด้านของผู้ประกอบการการบินยังตื่นตัวกลับมาให้บริการ
ทั้งนี้ ในปี 2566 มีผู้ประกอบการยื่นคำขอรับใบอนุญาตกิจการการบินพลเรือน เป็นผู้ประกอบการรายใหม่รวมจำนวน 9 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมยื่นขอใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (Air Operator Certificate : AOC) เพื่อให้สามารถให้บริการเชิงพาณิชย์ต่อไป
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า สำหรับ 9 สายการบินยื่นขอจดทะเบียนใหม่นั้น ประกอบด้วย
1.บริษัท เอเชี่ยน แอร์โรสเปซ เซอร์วิส จำกัด โดยได้รับอนุญาตให้ทำการบินตั้งแต่ 16 ต.ค. 2564 – 15 ต.ค.2569 ประเภทการบินแบบไม่ประจำ ทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท มีกรรมการ 3 คน คือ นายประทีป บุญประสม , นายฮิวเบอร์ท โจเซฟ ทรันเซอร์ และร้อยเอกธรรมนูญ ใจทัน
2.บริษัท สยาม ซีเพลน จำกัด ระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต 3 พ.ค.2566 – 2 พ.ค.2571 ประเภทคำขอทำการบินแบบไม่ประจำ ทุนจดทะเบียน 32 ล้านบาท มีกรรมการ 4 คน คือ นายเดนนิส อิมมานูเอล เคลเลอร์ , นายไมเคิล เบลนีย์ เดวิดสัน , น.ส.วรกัญญา สิริพิเดช และนายโทมาส บอมบ์การ์ดเนอร์
ทั้งนี้ บริษัท สยาม ซีเพลน จำกัด มีแผนให้บริการเครื่องบินน้ำ โดยใช้เครื่องบิน Cessna C208B
3.บริษัท อาร์ ซี แอร์ไลนส์ จำกัด (Really Cool) ระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต 18 ก.ค.2566 – 17 ก.ค.2571 ประเภทคำขอทำการบินแบบประจำมีกำหนด และแบบไม่ประจำ ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท มีกรรมการ 2 คน คือ นายพาที สารสิน และนายมาส ตันหยงมาศ
สายการบิน Really Cool จะเริ่มให้บริการปี 2567 ด้วยเครื่องบินแอร์บัส A330-300 ลำแรกเข้าประจำการเดือน ม.ค. ส่วนลำที่ 2 เข้าประจำการเดือน มี.ค. และอีก 2 ลำในครึ่งปีหลัง รวมปี 2567 มีเครื่องบินรวม 4 ลำรองรับเส้นทางบินระยะกลาง
สำหรับเส้นทางบินเริ่มที่ 2 เส้นทางแรกจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ โตเกียว (นาริตะ) และ นาโกยา เริ่มด้วยบริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) ในเดือน มี.ค.-พ.ค. 2567
ก่อนจะเริ่มให้บริการเที่ยวบินประจำตั้งแต่เดือน มิ.ย. หรือ ก.ค.2567 จากนั้นจะเพิ่มเส้นทาง กรุงเทพฯ – ฮอกไกโด ในช่วงไฮซีซันปลายปีหน้า
รวมทั้งเตรียมเปิดเส้นทางบินสู่ ฮ่องกง, สิงคโปร์, เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และจอร์เจีย ส่วนต้นปี 2568 จะจัดหาเครื่องบินทางเดินคู่ แอร์บัส A350 และโบอิ้ง B787 เข้าประจำการ เพื่อทำการบินสู่เส้นทางยุโรป
4.บริษัท อวานติ แอร์ ชาร์เตอร์ จำกัด ระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต 27 ก.ค.2566 – 26 ก.ค.2571 ประเภทคำขอทำการบินแบบไม่ประจำ ทุนจดทะเบียน 25 ล้านบาท จดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2561
โดยมีกรรมการ 1 คน คือ นายกสิณพจน์ รอดโค
5.บริษัท เอ็ม - แลนดาร์ช จำกัด ระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต 27 ก.ค.2566 – 26 ก.ค.2571 ลักษณะคำขอทำการบินแบบประจำมีกำหนด และแบบไม่ประจำ ทุนจดทะเบียน 92.7 ล้านบาท มีกรรมการ 3 คน คือ นายธานี ธราภาค , นายธนา ธราภาค และนางทิพวัลย์ แก้วเงิน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัท เอ็ม - แลนดาร์ซ จำกัด มีแผนที่จะนำเครื่องบินขนาดเล็ก 19 ที่นั่ง รุ่น C408 Sky courier มาใช้บินเส้นทาง เบตง-หาดใหญ่, เบตง-ภูเก็ต, เบตง-นราธิวาส
รวมทั้งเคยชนะการประมูลของกองทัพบกหลายโครงการ เช่น การเสนอราคาซื้อเครื่องบินใช้งานทั่วไปขนาดเบา แบบที่ 2 แบบ CESSNA รุ่น Grand Caravan EX ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมชิ้นส่วนซ่อมและบริภัณฑ์ภาคพื้น 2 เครื่อง เป็นการประมูลแบบวิธีเฉพาะเจาะจง เสนอราคา 299.98 ล้านบาท
6.บริษัท กรุงเทพเฮลิคอปเตอร์เซอร์วิสเซส จำกัด ปัจจุบันได้รับ AOC แล้ว โดยมีระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต 23 ส.ค.2566 – 22 ส.ค.2571 ซึ่งทำคำขอทำการบินแบบไม่ประจำ ทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท มีกรรมการ 7 คน เช่น นายปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ , นางสาวปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัท กรุงเทพเฮลิคอปเตอร์เซอร์วิสเซส จำกัด ได้ให้บริการเฮลิคอปเตอร์การแพทย์ฉุกเฉิน Sky ICU (Rotor wings) 2 ลำ สำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยของโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS
7.บริษัท พัทยา แอร์เวย์ จำกัด ระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต 28 ส.ค.2566 – 27 ส.ค.2571 ลักษณะคำขอทำการบินแบบไม่ประจำ โดยเป็นคำขอทำการบินสำหรับการขนส่งเฉพาะสินค้าเท่านั้น มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท โดยมีกรรมการ 2 คน คือ นายทศพร อสุนีย์ และนายณัฏฐน์ บุณยวิชญ์กานนท์
สำหรับนายทศพร เป็นประธานบริหารกลุ่มบริษัทพัทยา โดยดำเนินธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมการขนส่งทางอากาศ ทั้งการขนส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า และมีแผนเริ่มทำการบินในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 จะให้บริการการขนส่งสินค้าทางอากาศ โดยเน้นกลุ่มลูกค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก และจะขยายไปภูมิภาคอื่นต่อไป
8.บริษัท เอเชีย แอทแลนติก แอร์ไลน์ส จำกัด ระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต 29 ส.ค.2566 – 28 ส.ค.2571 โดยทำคำขอประเภทการบินแบบประจำมีกำหนด ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 249 ล้านบาท มีกรรมการ 2 คน คือ นายภักดี มะแอ ซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาเที่ยวบินพิเศษฮัจย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และกรรมการอีกคน คือ น.ส.พิมพ์ลภัส ธรรมรัตนางกูร
9.บริษัท พี 80 แอร์ จำกัด ยื่นทำคำขอจดทะเบียน 2 รายการ ได้รับระยะเวลาอนุญาตทำการบิน 31 ส.ค. 2566 – 30 ส.ค. 2571 โดยจะทำการบินแบบประจำมีกำหนด และแบบไม่ประจำ ซึ่งทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท มีกรรมการ 8 คน เช่น นายประยุทธ มหากิจศิริ , นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ
สำหรับ บริษัท พี 80 แอร์ จำกัด มีแผนจะเริ่มทำการบินได้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 โดยจะเริ่มทำการบินไปจีนด้วยเครื่องบิน 4 ลำ ในปีแรกจะใช้เครื่องบินแบบ B737-800 NG
ส่วนรูปแบบการให้บริการอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะให้บริการในชั้นธุรกิจ (Business Class) หรือให้บริการเฉพาะชั้นประหยัด (Economy Class)
นายสุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการธุรกิจการบินที่ต้องการยื่นคำขอจดทะเบียนในไทยจำนวนมาก ซึ่งตามกระบวนการต้องยื่นคำขอพิจารณาเพื่อจัดทำใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศ (AOL) และทำใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (Air Operator Certificate : AOC) โดยทั้งสองส่วน กพท.จะพิจารณาทั้งแผนธุรกิจ สถานะทางการเงิน
รวมไปถึงหลักเกณฑ์มาตรฐานบริการที่จะมีผลต่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ต้องเป็นไปตามกฎหมายกำหนด เพื่อไม่ให้เกิดกรณีลอยแพผู้โดยสาร
ขณะที่ภาพรวมของผู้ประกอบการสายการบินที่จดทะเบียนในไทย กพท.ยืนยันว่าขณะนี้ไม่มีสายการบินใดดที่เข้าข่ายธุรกิจ หรือสถานะทางการเงินที่จะส่งผลต่อการปิดกิจการ และส่งผลต่อผู้โดยสาร แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาหลายสายการบินจะปรับลดต้นทุนดำเนินธุรกิจ ขายและคืนเครื่องบินจำนวนมาก
"ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณบวก หลายสายการบินทยอยรับมอบเครื่องกลับมาให้บริการ และมีฐานะทางการเงินดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง"
ทั้งนี้ กพท.ประเมินว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินที่เกิดขึ้นในขณะนี้ใกล้เคียงกลับสู่สถานการณ์ปกติก่อนเกิดโควิด -19 โดยพบว่าปัจจุบันปริมาณผู้โดยสารฟื้นตัว 90% จากปี 2562 ที่มีจำนวนประมาณ 160 ล้านคน
ขณะที่ตลอดทั้งปี 2566 กพท.คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารรวม 127 ล้านคน แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประมาณ 63.03 ล้านคน และผู้โดยสารในประเทศ ประมาณ 64.43 ล้านคน
ส่วนแนวโน้มในปี 2567 คาดการณ์ว่าจะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน จะมีปริมาณผู้โดยสารกลับสู่สภาวะปกติ โดยประเมินตัวเลขอยู่ที่ 162 ล้านคน แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประมาณ 88.62 ล้านคน และผู้โดยสารในประเทศ ประมาณ 74.05 ล้านคน