ม.หอการค้าไทยเผยผลสำรวจประชาชนค้านกู้เงินดิจิทัล

ม.หอการค้าไทยเผยผลสำรวจประชาชนค้านกู้เงินดิจิทัล

ม.หอการค้าไทย ชี้ผลสำรวจพบ คนไทยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับ “ดิจิทัล วอลเล็ต” เพราะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อ ช่วยคนยากจน แต่ค้านกู้เงินมาใช้จ่าย ชี้ส่งต่อหนี้สู่ลูกหลาน

นายธนวรรธน์  พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงสำรวจทัศนะผู้บริโภค 1,240 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 14-20 พ.ย.66 เกี่ยวกับเงินดิจิทัล วอลลเล็ต ว่า คนส่วนใหญ่ 77.3% เห็นด้วย ส่วนอีก 22.7% ไม่เห็นด้วย 

โดยคนที่มีสิทธิ์ตามเงื่อนไข ส่วนใหญ่71.6% พร้อมที่ลงทะเบียน แต่ อีก28.4 %จะไม่ลงทะเบียน โดยกลุ่มไม่ลงทะเบียนให้เหตุผลว่า ไม่สะดวกกับการใช้ในพื้นที่ตามทะเบียนบ้าน  ,ไม่อยากใช้เงินกู้เพราะจะทำให้เป็นหนี้กับลูกหลาน ,เงินส่วนใหญ่จะกลับไปสู่ผู้ประกอบการรายใหญ่ และกังวงข้อมูลรั่วไหลเป็นต้น

เมื่อถามว่า เห็นด้วยกับการออกพ.ร.บ.เงินกู้ เพื่อนำมาใช้ในโครงการนี้หรือไม่ มากถึง 50.6% ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการก่อหนี้ระยะยาว, เป็นภาระให้คนรุ่นหลัง, คอร์รัปชั่นได้ง่าย และอีก 49.4% เห็นด้วย เพราะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ, ช่วยคนมีรายได้น้อย, ช่วยเพิ่มกำลังซื้อ

อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ เห็นด้วยน้อยที่จะเริ่มต้นใช้เดือนพ.ค.67, ใช้เงินภายในอำเภอตามทะเบียนบ้าน, ระยะเวลาใช้ 6 เดือน, ใช้ซื้อของผ่านออนไลน์ไม่ได้, ร้านค้าต้องอยู่ในระบบภาษี, เงื่อนไขการได้รับสิทธิ์ที่กำหนดเงินเดือนไม่เกิน 70,000 บาท และมีเงินในบัญชีไม่เกิน 500,000 บาท

นอกจากนี้ ยังสอบถามมาตรการลดค่าครองชีพ ทั้งลดราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน ลดค่าไฟฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่า ช่วยลดค่าครองชีพได้มาก และส่วนใหญ่คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นตั้งแต่ครึ่งหลังปี 67