นัดประชุม กกร. 10 ม.ค. ถกปมช่องว่างดอกเบี้ย
ในมุมมองด้านวิชาการ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นความพยายามของ ธปท.ในการสกัดเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ตลอดจนรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามากในช่วงปีที่แล้ว
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในมุมมองด้านวิชาการ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นความพยายามของ ธปท.ในการสกัดเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ตลอดจนรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามากในช่วงปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน ยังเป็นการลดช่องว่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐกับไทย เพื่อไม่ให้ห่างกันมากจนเกินไป ซึ่งต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบโดยตรงกับต้นทุนกู้ยืมของผู้ประกอบการและประชาชนในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ หลายฝ่ายยังคงติดตามสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงใด ซึ่งหอการค้ามองว่าอัตราดอกเบี้ยไทยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมและพอรับได้ ซึ่งหวังว่า ธปท.จะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว และหาก Fed มีการปรับลดดอกเบี้ยเมื่อไหร่ ก็เชื่อว่า ธปท.คงจะมีการปรับลดดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของเศรษฐกิจไทยต่อไป
นายสนั่นกล่าวว่า สำหรับประเด็นตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบต่อเนื่อง 3 เดือน หอการค้ายังเชื่อว่าส่วนนี้น่าจะมาจากการปรับลดเชิงเทคนิค ตามนโยบายการลดภาระค่าของชีพด้านพลังงานของภาครัฐทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงซึ่งในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังมีการปรับขึ้นเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าไทยยังคงพอมีกำลังซื้ออยู่บ้าง โดยเงินเฟ้อทั่วไปปี 2566 อยู่ที่ 1.23%
ขณะที่นโยบายการคลังที่รัฐบาลกำลังดำเนินการทั้งการยกเว้นวีซ่าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว, Easy E-Receipt, รวมถึงการผลักดันโครงการ Digital Wallet จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและคาดว่าปี 2567 อัตราเงินเฟ้อน่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.0-2.5% ซึ่งอยู่ในกรอบที่กระทรวงการคลังและ ธปท.ดูแลไว้ที่ 1-3%
“ในมุมของหอการค้ายังเห็นว่าหากธนาคารสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจะช่วยลดภาระประชาชน ลดต้นทุนผู้ประกอบการและช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวก อีกทั้งยังช่วยเร่งให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในวันพุธที่ 10 มกราคมนี้ กกร.คงจะมีการหารือในประเด็นดังกล่าวและร่วมกันว่าจะนำเสนออย่างไรต่อไป” นายสนั่นกล่าว