ส.อ.ท.จี้รัฐคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
โครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ที่อาจจะสะดุดหรือล่าช้าออกไป มองว่าภาครัฐจำเป็นต้องมีมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจและต้องกระตุ้นได้เร็ว
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เกรียงไกร เธียรนุกุล ระบุ โครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ที่อาจจะสะดุดหรือล่าช้าออกไป มองว่าภาครัฐจำเป็นต้องมีมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจและต้องกระตุ้นได้เร็ว เนื่องจากงบประมาณปี 2567 ล่าช้าออกไปกว่า 8 เดือน จะเห็นได้ว่าโครงการที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณรัฐชะลอออกไป ส่งผลให้อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนไปถึงบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ประสบปัญหาสภาพคล่อง ดังนั้น มาตรการที่จะออกมาช่วยต้องเป็นมาตรการที่แม่นยำ โปร่งใส ซึ่งหวังว่ารัฐบาลจะดำเนินการได้ตามที่รัฐบาลพูดไว้ ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี ควบคู่กับการทำมาตรการอื่นคู่ขนานกันไปด้วย
แนวโน้มอุตฯ ยังเติบโต ท่ามกลางความเสี่ยง
สำหรับผลการประเมินแนวโน้ม 46 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 5 ภูมิภาค ในปี 2567 พบว่า แนวโน้ม 46 กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นมีทั้งหมด 22 กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะทรงตัวมีทั้งหมด 11 กลุ่มอุตสาหกรรม, และกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะหดตัวลงมีทั้งหมด 13 กลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งอุตสาหกรรมส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา
ปัจจัยสนับสนุนที่คาดว่าจะส่งเสริมอุตสาหกรรม มาจากอานิสงส์จากความต้องการสินค้าและบริการปรับตัวเพิ่มขึ้น เป้าหมายการบรรลุความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ได้ภายในปี 2567 ความผันผวนของค่าเงินบาทที่อยู่ในระดับต่ำ และมีอัตราเหมาะสมทั้งผู้ส่งออก/ผู้นำเข้า แนวโน้มคำสั่งซื้อสินค้าจากประเทศคู่ค้าสำคัญเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการลงทุนใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนด้านค่าไฟฟ้า และทิศทางราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลง
ส่วนปัจจัยห่วงกังวลที่คาดว่าจะกระทบต่ออุตสาหกรรม มาจากทิศทางค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ปัญหาความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราที่สูงเกินไป ต้นทุนทางการเงินยังอยู่ในระดับสูงจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น และความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผลกระทบจากสินค้าที่ไม่มีคุณภาพเข้ามาตีตลาดลูกค้าในกลุ่มอาเซียน และปัญหามาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี