'พิมพ์ภัทรา' ชู 'อีวี-ฮาลาล-ป้องกันประเทศ' ขึ้นแท่น 3 อุตสาหกรรมแชมป์เปี้ยน
“พิมพ์ภัทรา” ชูอุตสาหกรรม “อีวี-ฮาลาล-ป้องกันประเทศ” เป็น 3 Champion Industries นำร่องขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เร่งปลุกอุตสาหกรรมจากเสือหลับให้ตื่น พร้อมหนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการไม่ให้เป็นอุปสรรค รับเทรนด์กติกาโลก
น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวนงานสัมมนา Thailand 2024: The Great Challenges หัวข้อ “เปิดโฉมอุตสาหกรรม ในมุมมองรมต. NEW GEN" จัดโดย "มติชน" ว่า นโยบายที่จะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาสกับอุตสาหกรรมในประเทศไทยนั้น กระทรวงฯ ได้กำหนดแนวทางในการยกระดับอุตสาหกรรมของไทยให้สอดรับกับกติกาโลกและเทรนด์ของผู้บริโภคโดยมุ่งเน้นอุตสาหกรรมเป้าหมายควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมดั้งเดิมให้มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่อุตสาหกรรมใหม่
“ที่ผ่านมากลุ่มอุตสหกรรมเปรียบเสมือนเสือหลับ จึงถึงเวลาแล้วที่จะช่วยกระตุ้นให้เสือตื่น โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้พยายามเดินทางไปเจรจากับนักลงทุนต่างประเทศว่าประเทศไทยมีความพร้อมขนาดไหน ด้วยเทรนด์ทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลง นอกจากการดึงนักลงทุนต่างประเทศแล้ว สิ่งสำคัญคือการตรึงให้ผู้ประกอบการต้องอยู่ให้ได้ และส่งผลถึงซัพพลายเชนที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ทั้งหมด”
ทั้งนี้ กระทรวงฯ ได้วางแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมที่จะเป็นแชมป์เปี้ยน (Champion Industries) เบื้องต้นหลัก ๆ ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี), อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และอุตสาหกรรมฮาลาล และจะมีการมองในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ตามมาเป็นลำดับ
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีโอกาสมากสุด คือ EV ที่รัฐบาลสมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เริ่มสนับสนุนจากมาตรการ 3.0 จนขณะนี้สู่ 3.5 โดยไม่ใช่มองแค่ดึงดูดการลงทุนแต่มองทั้งระบบการตั้งฐานผลิต แบตเตอรี่ ครบวงจร แม้แต่การนำไปรีไซเคิลที่ยังมองไปถึงการก้าวไปสู่การเป็นฐานนิคมอุตสาหกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ด้วย นอกเหนือจากเป้าหมายที่ไทยวางไว้ว่าจะเป็นฐานผลิตรถ EV และ รถยนต์สันดาปภายในหรือ ICE ในภูมิภาค
นอกจากนี้ โอกาสอีกอย่างคืออุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ผู้ผลิตในไทยขณะนี้ได้มีการผลิตยุทธโธปกรณ์ต่าง ๆ เช่น รถถัง เรือรบ ปืน และอาวุธ ถือเป็นอีกประเภทหนึ่งที่กระทรวงฯ จะเร่งส่งเสริม ที่จะเป็นแชมป์เปี้ยน แต่ยอมรับว่าหลายอย่างยังเป็นอุปสรรคที่ต้องหารือกับหน่วยงานอื่น ๆ เช่นการนำเข้าเรือมาทั้งลำ และชิ้นส่วนมาประกอบภาษีสรรพสามิต ที่ต่างกันทำให้คนผลิตในประเทศสู้นำเข้าทั้งลำไม่ได้ จึงต้องทำอย่างไรให้ผู้ผลิตในไทยมีโอกาสแข่งขันได้ ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องส่งเสริมสนับสนุนและลดอุปสรรค
อีกกลุ่มที่กระทรวงอุตสาหกรรมวางไว้คือ อุตสาหกรรมฮาลาล ที่เห็นโอกาสจากการที่ตลาดโลกมีมูลค่าสูงถึง 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งไทยส่งออกได้เพียงปีละเพียงแค่ 2.7% ของตลาดโลก ขณะที่ศักยภาพของทรัพยากรของไทยยังมีโอกาสสูง ดังนั้น มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ พ.ย. 2566 กระทรวงฯ จึงเสนอตั้งกรมอุตสาหกรรมฮาลาลขึ้น
“กรมฮาลาลจะรวบรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงต่าง ๆ โดยตั้งที่สถาบันอาหารเพื่อการขับเคลื่อน โดยเตรียมเสนอครม.ให้เห็นรูปร่างของกรมฮาลาลในรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อเน้นสร้างเชื่อมั่นให้กับประเทศผู้ซื้อ เนื่องจากไทยไม่ใช่ประเทศมุสลิม ทำอย่างไรให้รับรองมาตรฐาน ให้สอดรับก็นำมาตรฐานผู้ซื้อแม้ว่าเราจะมีเครื่องหมายฮาลาลแล้วก็ตาม ซึ่งเชื่อมั่นว่าระยะ 1-2 ปีจากนี้อุตสาหกรรมฮาลาลจะมีการเติบโต 1-2 เท่าตัวจากปัจจุบันแน่นอน”
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมโดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ได้ทำหน้าที่วิเคราะห์ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของไทยเพื่อส่งสัญญาณในการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงมาอย่างต่อเนื่อง และมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ เอสเอ็มอีแบงก์ ที่จะเข้ามาเสริมช่วยเหลือเอสเอ็มอี โดยกลุ่มที่จำเป็นต้องเร่งสนับสนุนคืออุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-Curve)
สำหรับอุตสาหกรรมเดิมที่เริ่มมีปัญหาที่ต้องยกเครื่อง เช่น สิ่งทอ เหล็ก ฯลฯ ได้มีการแยกประเภทและส่งสัญญาณเพื่อเตือนรวมถึงการช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ รวมไปถึงอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ที่จะมาช่วยเสริมบางกิจการที่เป็นขนาดเล็ก ๆ อีกมากเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การเจรจาเขตการค้าเสรี หรือ FTA ที่เกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมก็จะมีส่วนสำคัญต่อการสร้างแต้มต่อให้ภาคการส่งออกของไทยซึ่งการที่ได้เดินทางไปซาอุดิอาระเบียก็ยังไม่มี ทั้งที่ตลาดใหญ่ ถือเป็นโอกาสของประเทศทั้งด้านสาธารณสุข, การส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์, ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ และปศุสัตว์ ฯลฯ
รวมไปถึงการปรับตัวรับกับกติกาใหม่ ๆ โดยเฉพาะมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) และการลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งล่าสุดกระทรวงพลังงาน ได้มีนโยบายในเรื่องของ Green Energy ทางกระทรวงอุตสาหกรรมเองก็จะต้องขับเคลื่อนไปสู่ Green Industries เพื่อต่อสู้ต่อมาตรการกีดกันทางการค้าที่เราต้องช่วยผู้ประกอบการให้ทันยุค ทันเหตุการณ์ เช่นเดียวกัน