ด่านหินรัฐบาลแจก ‘เงินดิจิทัล’ ‘ครม.’ไม่มีอำนาจเด็ดขาดชี้ ‘วิกฤติ’!
แจงอำนาจ ครม.ไม่สามารถชี้ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจได้เอง โดยไม่มีความเห็นจากหน่วยงานเศรษฐกิจ รองรับ เผยขั้นตอนทำ พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน ต้องผ่านทั้งด่านบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต และต้องผ่านการให้ความเห็นจากหน่วยงานเศรษฐกิจ 4 หน่วยงานก่อนเข้า ครม. มติ ครม.มีผลผูกพัน ครม.ทั้งคณะ
Key points
- รมช.คลังให้สัมภาษณ์ว่า ครม.มีอำนาจชี้ขาดวิกฤติเศรษฐกิจเพื่อกู้เงินทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
- อำนาจของ ครม.ไม่สามารถมีมติ ว่าเศรษฐกิจวิกฤติได้เอง โดยหน่วยงานเศรษฐกิจไม่เห็นด้วย
- มติของ ครม.จะผูกพันทั้ง ครม.หากมีปัญหาทางข้อกฎหมายในโครงการนี้
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยถึงกรณีที่นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลที่ต้องมีการออกพ.ร.บ.ให้อำนาจให้กระทรวงการคลังกู้เงิน 5 แสนล้านบาทว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีอำนาจเต็มในการพิจารณาว่าเศรษฐกิจของประเทศวิกฤติว่าในเรื่องนี้ในความเป็นจริงแล้วอำนาจตามกฎหมายของ ครม.ไม่สามารถที่จะเรียกประชุมและมีมติว่าเศรษฐกิจวิกฤติได้ โดยไม่มีข้อมูลสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะหน่วยงานเศรษฐกิจอย่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ เนื่องจากเมื่อมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 5 แสนล้านบาทเข้าสู่ที่ประชุม ครม.สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จะต้องมีหนังสือไปขอความเห็นจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ ครม.
ก็จะมีการสอบถามว่าเกิดภาวะวิกฤติกับเศรษฐกิจหรือไม่ เพราะเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐมาตรา 53 ที่ระบุว่า การกู้เงินของรัฐบาลนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ ให้กระทรวงการคลังกระทำได้ โดยต้องอาศัยอำนาจตามกฎหมายที่ตราขึ้นเป็นการเฉพาะ และเฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน และอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศ โดยไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน
“แม้ว่าขั้นตอนของการออกพ.ร.บ.เงินกู้ฯเพื่อทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะต้องผ่านความเห็นชอบจากบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ ซึ่งบอร์ดชุดดังกล่าวมีองค์ประกอบเป็นหน่วยงานเศรษฐกิจที่สามารถให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจวิกฤติหรือไม่วิกฤติ ซึ่งสมมุติว่าบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่มีมิติว่าให้สามารถออกพ.ร.บ.กู้เงินฯได้
แต่เมื่อจะเข้าสู่การประชุม ครม. สลค.ก็จะต้องขอความเห็นจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจของ ครม.ซึ่งหน่วยงานเศรษฐกิจก็สามารถให้ความเห็นในข้อกฎหมายต่างๆรวมทั้งให้มุมมองต่อสภาวะเศรษฐกิจได้ว่าเกิดภาวะวิกฤติหรือไม่เพื่อไม่ให้ขัดกับข้อกฎหมาย ซึ่ง ครม.ก็จะพิจารณาความเห็นของหน่วยงานเหล่านี้ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงินฯ” แหล่งข่าวระบุ
เมื่อถามว่าในการออก พ.ร.ก.กู้เงินของรัฐบาลที่ผ่านมาเพื่อแก้ปัญหาของโควิด-19 รัฐบาลใช้แนวทางอย่างไรในการชี้สถานการณ์ว่าวิกฤติ แหล่งข่าวอธิบายว่าในการพิจารณาออก พ.ร.ก.กู้เงินทั้งสองฉบับวงเงินรวม 1.5 ล้านล้านบาท ก็ใช้ข้อมูลรายงานเศรษฐกิจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง สศช. และธปท.มาประกอบการพิจารณา โดยมีการประชุม ครม.เศรษฐกิจชุดเล็กเพื่อรับทราบข้อมูลดังกล่าวก่อน ที่จะมีการประชุม ครม.เพื่อออก พ.ร.ก.กู้เงินฯ หลังจากรับทราบข้อมูลวิกฤติแล้ว ไม่ใช่เป็นการประชุม ครม.เพื่อตัดสินใจหรือมีมติ ครม.ว่าเกิดภาวะวิกฤติหรือไม่
เมื่อถามต่อว่าในการประชุม ครม.หากมีข้อถกเถียงหรือเห็นไม่ตรงกันของ ครม.เกี่ยวกับการออกพ.ร.บ.กู้เงินฯนั้นอาจเกิดเหตุการณ์การเดินออกจากที่ประชุม (Walk out) ของ ครม.บางคนหรือบางพรรคได้หรือไม่ แหล่งข่าวระบุว่าในการประชุม ครม.ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลยังไม่เคยมีปรากฎการณ์ Walk out ระหว่างการประชุม มีแต่ที่ทราบว่ามีวาระเรื่องนี้เข้ามาในการประชุมจึงไม่เข้าประชุม ครม.ตั้งแต่แรก หรือมีการพูดจากันให้มีการถอนวาระออกไปก่อนจากที่ประชุม
อย่างไรก็ตามในการประชุม ครม.แต่ละครั้งนั้นแม้ว่าไม่ได้เดินทางมาประชุมแต่หาก ครม.มีมติเรื่องใดไปก็ถือว่ามีผลผูกพันในทางกฎหมายกับ ครม.ทั้งคณะ ยกเว้นจะมีการขอให้บันทึกการประชุม ครม.ไว้เกี่ยวกับความเห็นที่ไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน กรณีที่มีปัญหาทางกฎหมายนั้นก็ต้องมาย้อนดูบันทึกการประชุม ครม.ที่มีอยู่เกี่ยวกับวาระนั้นๆที่เข้า ครม.
“มติ ครม.ถือว่าเป็นหลักการที่ผูกพันรัฐมนตรีทุกคน ซึ่งจริงๆคือทุกคนที่เป็น ครม.ไม่ว่าจะเข้าหรือไม่เข้าประชุม แต่ในกรณีที่มีปัญหาในประเด็นกฎหมายก็อาจจะบอกได้ว่าไม่ได้เข้า แต่ที่จริงแล้วเข้าไม่เข้าก็ผูกพันว่าเป็นการเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบของ ครม.อยู่ดี ยกเว้นว่ามีการยกมือไม่เห็นด้วยแล้วให้ลงบันทึกเป็นข้อสังเกตไว้ หรือมีเหตุผลในการขาดการประชุมแล้วมีเอกสารแจ้งว่าป่วย หรือไปราชการ ต้องมีเหตุผลรองรับด้วย แต่หากขาดประชุมไปเฉยๆก็จะถือว่าเป็นมติที่ ครม.ผู้นั้นมีส่วนร่วมด้วยอยู่ดี”แหล่งข่าวระบุ