ไทย - กัมพูชา เซ็น 'MOU' 3 ฉบับวันนี้ ยกระดับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ 2 ประเทศ
ไทยเตรียมเอ็มโอยูกัมพูชา 3 ฉบับ โอกาส ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา เยือนไทย ฉบับ ครอบคลุมเรื่องสินค้าผ่านแดน ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม และการพัฒนาการแจ้งเตือนภัยพิบัติร่วมกัน
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่าวันนี้ (7 ก.พ.) สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา และภริยาจะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit)
โดยในช่วงเช้าของวันนี้ ณ ทำเนียบรัฐบาล จะมีพิธีการต้อนรับนายกรัฐมนตรีและภริยาโดยเวลา 10.20 น. พิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้า หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีและภริยา และนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและภริยา ถ่ายภาพร่วมกัน ณ บันไดโถงกลาง ตึกไทยคู่ฟ้า
คณะรัฐมนตรี แนะนำตนเองต่อนายกรัฐมนตรีและภริยา ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้าลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึก ณ ห้องสีงาช้าง (ด้านนอก) ตึกไทยคู่ฟ้า
เวลา 10.50 น. นายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หารือเต็มคณะ ณ ตึกภักดีบดินทร์
เวลา 11.40 น. นายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงและแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ พร้อมทั้งแถลงข่าวร่วม ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) จากนั้น เยี่ยมชมนิทรรศการศิลปหัตถกรรม ณ โถงกลาง ตึกสันติไมตรี
และเวลา 12.15 น. นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และภริยา ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล
โดยในการหารือกันระหว่างนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา และนายกรัฐมนตรีของไทยในครั้งนี้จะเป็นสักขีพยายนในการลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) 3 ฉบับครอบคลุมเรื่องการขนส่งข้ามแดน ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ และเทคโลยี และการพัฒนาระบบแจ้งการเตือนภัยพิบัติระหว่างสองประเทศ
นางสาวเกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (6 ก.พ.2567) มีมติอนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
ทั้งนี้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ1 มีสาระสำคัญ ดังนี้
1.กำหนดให้คู่ภาคีจะต้องอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน โดยไม่ให้เกิดความล่าช้าในขั้นตอนของการผ่านแดน โดยสินค้าผ่านแดนนั้นเป็นของที่ไม่ต้องชำระอากรหากได้ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศที่มีการผ่านแดนอย่างครบถ้วน แต่ประเทศภาคีสามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือภาระที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งหรือค่าบริการอื่น ๆ ได้
จ่อลงนาม MOU ด้านวิชาการ
ส่วนฉบับที่ 2 คือการเซ็น MOU ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่าง อว. แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ร่างบันทึกความเข้าใจฯ) ทั้งนี้ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ขอให้ อว. ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาความร่วมมือในสาขาวิชาการ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นบนพื้นฐานของความเสมอภาค ผลประโยชน์ร่วมกันและความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับที่มีอยู่ของแต่ละประเทศ
สาขาความร่วมมือ ประกอบด้วย 12 สาขาได้แก่
- วิทยาศาสตร์ชีวภาพ และเทคโนโลยีชีวภาพ
- หุ่นยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีดิจิทัลและเศรษฐกิจดิจิทัล
- ความมั่นคงทางอาหาร น้ำ และพลังงาน
- ภูมิสารสนเทศและเทคโนโลยีอวกาศ
- ชีววิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์การแพทย์
- วัสดุศาสตร์และนาโนเทคโนโลยี
- นโยบายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสาธารณชนทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย
- การส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ การบ่มเพาะผู้ประกอบการ และอุทยานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
- มาตรวิทยา
- การจัดการโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน
- การแปรรูปอาหารและบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม
- สาขาอื่น ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าจะดำเนินความร่วมมือ
จับมือลดความเสี่ยงภัยพิบัติ
ส่วน MOU ฉบับที่ 3 ที่ไทยจะลงนามกับกัมพูชา ได้แก่บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน ระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยได้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. เห็นชอบ (ร่าง) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน ระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งนี้ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยดำเนินการได้ โดยให้เสนอ ครม.ทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับดังกล่าว
สาระสำคัญ ของ MOU คือเป็นร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญของความร่วมมือทางวิชาการ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข้อมูลการแจ้งเตือนภัยพิบัติ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและอุปกรณ์ที่ทันสมัย
การปรับปรุงกลไกในการแบ่งปันข้อมูล การจัดตั้งกลไกการสื่อสารและประสานงาน การจัดตั้งระบบสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ในการจัดการเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ ระบบพิเศษที่ตั้งขึ้นล่วงหน้าและแผนฉุกเฉิน การฝึกซ้อมแผนรับมือเหตุฉุกเฉินจากภัยพิบัติ และการเยือนระหว่างทั้งสองประเทศ