ร.ฟ.ท.ปักธงลงทุน 1.3 แสนล้านบาท ดัน 3 โครงการรถไฟทางคู่ปีนี้
บอร์ดการรถไฟฯ อนุมัติเดินหน้า 3 โครงการทางคู่เฟส 2 ดันเม็ดเงินลงทุนปีนี้กว่า 1.3 แสนล้านบาท นำร่อง “หาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์” รับนโยบายรัฐบาลเชื่อมขนส่งระหว่างประเทศ ปักธงชงเข้าคมนาคมเดือนนี้
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า วานนี้ (22 ก.พ.) ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.ได้อนุมัติเห็นชอบดำเนินการโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 3 เส้นทาง วงเงินรวม 133,146 ล้านบาท ประกอบด้วย
1. ช่วงหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ มีระยะทาง 45 กิโลเมตร ประเมินวงเงินลงทุน 7,900 ล้านบาท
2.ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 281 กิโลเมตร วงเงิน 81,143.23 ล้านบาท
3.ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กิโลเมตร วงเงิน 44,103.11 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี โครงการลงทุนรถไฟทางคู่ทั้ง 3 เส้นทางนั้น สถานะปัจจุบันได้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) แล้วเสร็จ มีความพร้อมผลักดันการลงทุนทันที โดยหลังจากบอร์ด ร.ฟ.ท.อนุมัติครั้งนี้ จะเร่งจัดทำข้อมูลเสนอไปยังกระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นชอบภายในเดือน ก.พ.นี้ ก่อนเสนอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
ทั้งนี้ ยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลต้องการผลักดันโครงข่ายรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ให้เกิดขึ้นทั้ง 7 เส้นทาง แต่ติดปัญหาเรื่องงบประมาณไม่เพียงพอต่อการพัฒนา ส่งผลให้กรมการขนส่งทาง (ขร.) และ ร.ฟ.ท.จำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญแผนดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ซึ่งนโยบายของรัฐบาลในปัจจุบันเล็งเห็นถึงโอกาสของการพัฒนาโครงข่ายรถไฟเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การขนส่ง และการค้าระหว่างประเทศ ทำให้เรื่องเร่งด่วนคือการพัฒนารถไฟทางคู่ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ที่คาดว่าจะสร้างโอกาสต่อประเทศ
“แนวเส้นทางช่วงหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ เป็นโครงการที่ลัดคิวมาจากแผนท้ายๆ ขึ้นมาพัฒนาก่อน เพราะรัฐบาลเห็นว่าการพัฒนาเส้นทางนี้จะสร้างโอกาสในการเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มโอกาสการขนส่งชายแดน และทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเดินทาง การค้า และการขนส่งได้ อีกทั้งเส้นทางนี้ยังมีระยะสั้น ใช้งบประมาณลงทุนไม่สูง มีความคุ้มค่า สามารถดำเนินการได้ทันที”
ส่วนประเด็นที่รายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ของโครงการรถไฟทางคู่ ขาดอายุความนั้น เบื้องต้น ร.ฟ.ท.ได้หารือสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) แล้ว โดย สผ.ให้ความเห็นว่าก่อนหน้านี้ ครม.ได้อนุมัติแผนพัฒนาทั้ง 7 เส้นทางแล้ว ส่งผลให้รายงานอีไอเอไม่ได้ขาดอายุความ ดังนั้น ร.ฟ.ท.จึงมั่นใจว่ารถไฟทางคู่ทั้ง 3 เส้นทางนี้ จะเป็นเรือธงสำคัญทางการลงทุนระบบรางที่เกิดขึ้นในปีนี้