สหรัฐฯเล็งตั้งโรงงานชิปในไทย กระจายความเสี่ยง ’เซมิคอนดักเตอร์‘
โฆษกรัฐบาล เผยผลงานนายกฯ ดึงดูดความสนใจภาคเอกชนสหรัฐฯ นำไปสู่การจัดตั้งคณะทำงานร่วมเจรจาการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในไทย สะท้อนถึงศักยภาพไทย และการดำเนินนโยบายที่มาถูกทางของรัฐบาล
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลงานของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการนำเสนอความพร้อมของประเทศไทย ในการเป็นฐานการผลิตของภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้แก่ผู้นำรัฐบาลและภาคเอกชนในเวทีต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่ผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม หลังนักธุรกิจหลายรายที่เป็นสมาชิกของ สภาผู้ส่งออกแห่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (The President’s Export Council: PEC) ซึ่งได้เดินทางมาเยือนไทย พร้อมกับนางจีนา เอ็ม. เรมอนโด (The Honorable Gina M. Raimondo) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ แสดงความสนใจในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งไทย-สหรัฐ ต่างเห็นพ้องกันที่จะมีการแต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อหารือในรายละเอียดร่วมกันต่อไป
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความต้องการใช้ชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ เพิ่มมากขึ้นจากปัจจัยการเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดยภาคเอกชนสหรัฐฯ มองว่าไทยเป็นประเทศทางเลือกอันดับแรก ๆ ที่อยู่ในการพิจารณาเพื่อกระจายความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทานในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ โดยไทยมีศักยภาพ ความได้เปรียบในเรื่องทำเล และไม่อยู่ในความขัดแย้ง ประกอบกับนายกรัฐมนตรีมีนโยบายให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการดำเนินธุรกิจสีเขียว
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ Ignite Thailand สนับสนุนอุตสาหรรม 8 ด้านในไทย สอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯ เชื่อมั่นว่าจากความร่วมมือในด้านการลงทุนระหว่างไทย-สหรัฐฯ จะเป็นการช่วยพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และขยายห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไทยได้
“การตั้งคณะทำงานร่วมไทย-สหรัฐฯ เพื่อเจรจาเรื่องการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในไทย เป็นอีกตัวอย่างของความสำเร็จของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ในการดึงดูดการลงทุนเข้าประเทศ ผ่านการสร้างการรับรู้ให้นานาชาติ และดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคเอกชน
เชื่อมั่นความร่วมมือดังกล่าวจะนำไปสู่การสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไทย รวมถึงต่อยอดไปสู่การร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในอนาคต ทำให้เกิดเม็ดเงินไหลเข้าสู่เศรษฐกิจไทย รวมถึงช่วยยกระดับทักษะฝีมือแรงงานคนไทย ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันไทยได้อีกมากในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องด้วย” นายชัย กล่าว