’ปรับครม.‘ ต้องมุ่งตอบ 'โจทย์เศรษฐกิจ' มากกว่าแก้ 'สมการทางการเมือง'

’ปรับครม.‘ ต้องมุ่งตอบ 'โจทย์เศรษฐกิจ' มากกว่าแก้ 'สมการทางการเมือง'

การปรับคณะรัฐมนตรีที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาล“เศรษฐา1”ทำงานมาครบ 7 เดือนเต็ม มีการคาดการณ์โยกย้ายตำแหน่งต่างๆทั้งรัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วยว่าการในหลายกระทรวง

ถ้าดูจากรายชื่อการปรับ ครม.ครั้งนี้ที่ปรากฎตามโผต่างๆจะพบว่ากระทรวงเศรษฐกิจที่มีรายชื่อปรับ ครม.ชัดเจนที่สุดก็คือกระทรวงการคลัง และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญ เกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก และเกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบายของรัฐบาล

หากลองดูรายชื่อของรัฐมนตรีที่จะสลับเข้ามานั่งในตำแหน่งสำคัญๆก็ต้องยอมรับว่ายังมีเครื่องหมายคำถามว่าจะสามารถตอบโจทย์การบริหารงานทางเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ภาคธุรกิจ รวมทั้งจะสามารถกำหนดนโยบายสำคัญๆที่จะสร้างแรงกระเพื่อมเชิงบวกในทางเศรษฐกิจให้กับ “รัฐบาลเศรษฐา 2” ได้มากแค่ไหน

เพราะเป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนผ่านเก้าอี้เข้ามานั้นยังเห็นการสร้างสมดุลทางการเมืองให้กับรัฐบาล มากกว่าจะตอบโจทย์และแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ

ต้องยอมรับว่า 7 เดือนที่ผ่านมา ผลงานทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลแม้จะได้คะแนนในระดับสอบผ่าน แต่ก็ยังไม่ได้เปรี้ยงปร้างโดนใจประชาชนมากนัก

นโยบายหลักอย่างนโยบายเรือธง ดิจิทัลวอลเล็ตถูกเลื่อนออกไปหลายรอบ และพึ่งจะมีความชัดเจนเรื่องของแหล่งเงินงบประมาณที่มาใช้ในโครงการนี้

ขณะที่เส้นทางข้างหน้าของนโยบายนี้ยังมีอุปสรรครออยู่ทั้งในเรื่องของการจัดสรรวงเงินงบประมาณจากการตัดรายจ่ายปี 2567 มาใช้ในโครงการนี้ รวมทั้งการตีความ พ.ร.บ.ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.)ว่าการใช้เงินของรัฐบาลในโครงการนี้สามารถทำได้หรือไม่ซึ่งคาดว่าจะมีการยื่นตีความในส่วนนี้

 

นโยบายแลนด์บริดจ์ที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลพูดถึงก่อนหน้านี้เริ่มจะเบาบางลงไป เมื่อบริษัทขนาดยักษ์ที่คนในรัฐบาลเคยบอกว่าจะเข้ามาดูพื้นที่การลงทุนโครงการนี้ในไทยยังไม่มีกำหนดการที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจริงๆ นอกจากนี้นอกจากการโรดโชว์เราก็ยังไม่เคยเห็นการประชุมคณะกรรมการระดับชาติ หรือการผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวกับโครงการนี้อย่างเป็นรูปธรรม

ส่วนนโยบายการดึงดูดการลงทุนแม้นายกรัฐมนตรี และทีมเศรษฐกิจจะมีความพยายามและความตั้งใจสูงมากโดยมีการเดินทางไป 14 ประเทศและหารือกับ 60 บริษัท ซึ่งเริ่มมีข่าวดีเรื่องของการเข้ามาลงทุนในไทยของบริษัทขนาดใหญ่ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมาย แต่ก็ยังต้องอาศัยการทำงานอย่างต่อเนื่องระหว่างบริษัทชั้นนำกับหน่วยงานต่างๆในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

 

การมีรองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่มีความเข้าใจเศรษฐกิจ และมีความสามารถในการบริหาร เป็นที่ยอมรับในแวดวงธุรกิจทั้งในและต่างประเทศจะช่วยให้การตัดสินใจนำเอาเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น

การปรับ ครม.ในครั้งนี้จึงสำคัญกับทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการตอบโจทย์เรื่องเศรษฐกิจได้สำเร็จ จะสำคัญกับอนาคตของรัฐบาลไม่แพ้การตอบโจทย์ในการทางการเมือง

การปรับครม.รอบนี้จึงต้องมองในมิติเศรษฐกิจควบคู่กับการเมืองด้วยเช่นกัน เพราะหากไม่สามารถตอบโจทย์นโยบายเศรษฐกิจได้สำเร็จหลังการปรับ ครม.ครั้งนี้ คะแนนนิยมของรัฐบาลในช่วงที่เหลือเวลาการทำงานอีก 3 ปีเศษก็คงจะกระเตื้องขึ้นได้ไม่ง่ายนัก