'สุรพงษ์' จี้รถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน ขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย
“สุรพงษ์” ถกร่วม 11 ผู้ประกอบการผู้ให้บริการรถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน จี้ขึ้นทะเบียนผู้ขับขี่แล้วเสร็จภายใน 90 วัน พร้อมสั่ง ขบ.ปลดล็อกรถ 1 คัน มอบกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครอง หวังเปิดกว้างครอบครัวหารายได้มากขึ้น
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมร่วมกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชันสำหรับรถรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อหารือแนวทางการให้บริการรถยนต์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน พร้อมระบุว่า ปัจจุบันพบว่าผู้ให้บริการแอปพลิเคชันที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ตามกฎกระทรวงรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2564 มีจำนวน 11 ราย โดยมีรถมาจดทะเบียนเป็นรถสาธารณะ ประกอบด้วย รถยนต์ (รย.18) จำนวน 3,315 คัน และรถจักรยานยนต์ (รย.17) จำนวน 232 คัน
โดยการหารือร่วมกับผู้ประกอบการในครั้งนี้ มีข้อเสนอแนะ 6 ประเด็น คือ
1. กฎกระทรวงกำหนดเงื่อนไขการจดทะเบียนรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้เพียงคนละหนึ่งคัน และการกำหนดให้ผู้ขับรถผ่านแอปฯ ต้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครอง ซึ่งความเป็นจริงผู้ขับรถอาจใช้รถที่เป็นชื่อของบิดา มารดา ภรรยา บุตรหรือเพื่อนในการขับรถ จึงเป็นข้อจำกัดในการจดทะเบียน นั้น ที่ประชุมได้มอบให้ ขบ. รับไปพิจารณาและดำเนินการตามข้อกฎหมาย และข้อกำหนด นอกจากนี้ ได้มอบให้ ขบ. จัดทำมาตรฐานกลางแอปพลิเคชันเพื่อให้สามารถใช้กำกับดูแลได้อย่างเท่าเทียม
2. กรณีผู้ขับรถยนต์ที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระค่างวดตามสัญญาเช่าซื้อไม่สามารถใช้สำเนาใบคู่มือจดทะเบียนรถในการจดทะเบียนได้ และผู้ขับรถที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระค่างวดตามสัญญาเช่า ยังต้องขอเอกสารจากไฟแนนซ์เพิ่มเติม (หนังสือรับรองและหนังสือมอบอำนาจจากบริษัทไฟแนนซ์) นั้น ที่ประชุมมอบให้ ขบ. เชิญไฟแนนซ์มาเจรจาเรื่องการผ่อนปรนค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อลดภาระให้ผู้ขับรถยนต์
3. ขอให้เปิดยื่นคำขอและดำเนินการลงทะเบียน รย.18 ผ่านระบบออนไลน์ โดยเมื่อผู้ขับรถยื่นคำขอและตรวจคุณสมบัติเบื้องต้นแล้วให้มีการออกใบอนุญาตชั่วคราวสำหรับให้บริการรับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งขณะนี้ ขบ. ให้สามารถยื่นคำขอและเอกสารได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น อีเมล์ จากนั้นจะจัดอบรมให้เป็นกลุ่ม หลังจากผ่านการอบรมแล้ว ขบ. จะออกใบแทนให้สามารถนำมาจดทะเบียนเพื่อนำไปประกอบอาชีพได้ต่อไป
4. ขอให้พิจารณาแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางทะเบียนและภาษีของรถจักรยานยนต์สาธารณะผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้สอดคล้องกับรูปแบบการให้บริการปัจจุบัน โดยในส่วนของกรุงเทพฯ ขบ. จะเร่งรัดดำเนินการให้ไม่เกิน 10 วัน ส่วนต่างจังหวัด ขบ. จะพิจารณาแนวทางให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้นต่อไป
5. ขอให้พิจารณาเชิญผู้แทนจากผู้ให้บริการแอปฯ สำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาการขนส่งสาธารณะ โดย ขบ. แนะนำให้กลุ่มผู้ให้บริการแอปฯ จัดตั้งกลุ่มในรูปแบบของสมาคม จึงจะสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการฯ ได้ ซึ่งทางกลุ่มผู้ให้บริการแอปฯ อยู่ระหว่างดำเนินการ
6. การยกระดับกฎหมายสำหรับแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และจักรยานยนต์สาธารณะผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งที่ประชุมได้มอบให้ ขบ. พิจารณาและดำเนินการยกระดับกฎหมายให้มีความทันสมัย ภายใต้ความเสมอภาค เท่าเทียม และเป็นธรรม
นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ขอให้กลุ่มผู้ให้บริการแอปฯ ดูแลกลุ่มแท็กซี่ป้ายเหลืองที่อยู่ในระบบแอปฯ อย่างเป็นธรรม และมอบนโยบายให้รถทุกคันที่ให้บริการผ่านแอปฯ ต้องมาจดทะเบียนกับ ขบ. ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ภายใน 90 วัน เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจ และปลอดภัยในการใช้บริการ
อีกทั้งมอบให้ ขบ. พิจารณาดำเนินการเพื่อให้การพัฒนาระบบการให้บริการรถสาธารณะผ่านแอปฯ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงคมนาคม สอดรับกับกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ภายใต้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการให้บริการประชาชนและเกิดการพัฒนาระบบการขนส่งสาธารณะในภาพรวมของประเทศเป็นสำคัญต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันผู้ให้บริการแอปพลิเคชันที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) 11 ราย ประกอบด้วยบริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท โบลท์ ซัพพอร์ต เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด บริษัท ดอยดู ดิจิทัล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท แท็กซ์สี (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท ทาดา โมบิลิตี้ (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท บอนกุ เทคโนโลจีส์ จำกัด บริษัท ฮัลโหลภูเก็ต เซอร์วิส จำกัด บริษัท แอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ไลน์แมน (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอเชีย แค็บ จำกัด