'เผ่าภูมิ' สั่งการบ้าน 'สศค.' คิดกระสุนการคลังนอกกรอบ ทันยุค ใกล้ชิดประชาชน
รมช.เผ่าภูมิ มอบนโยบายสศค. คิดนโยบายการคลังตอบสนองความต้องการประชาชน เล็งขยายฐานภาษีดึงเศรษฐกิจเข้าสู่ระบบ มีจุดยืนนโยบายการคลังและทำงานสอดประสานนโยบายการเงิน คาดครึ่งปีหลังเม็ดเงินดิจิทัลวอลเล็ต งบรายจ่ายปี 67 และ 68 งัดจีดีพีโตกว่าประมาณการ 2.4%
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันนี้ (15 พ.ค.) ถือเป็นการประชุมนัดแรกกับผู้บริหารและข้าราชการในสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เพื่อมอบนโยบาย และกำหนดทิศทางการทำงานของ สศค. ซึ่งถือเป็นหน่วยงานสำคัญในฐานะมันสมองของกระทรวงการคลัง (Think Tank) ในการกำหนดทิศทางนโยบายการคลัง โดยได้ลงรายละเอียดการทำงานในกองต่างๆ
โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายการคลังที่สอดคล้องกับนโยบายการเงิน ต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทำงานร่วมกันให้ได้อย่างละมุมละม่อม รวมทั้งเติมเต็มซึ่งกันและกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ
"โดยให้หลักการกับสศค.ว่า จะต้องมีจุดยืนอยู่บนพื้นฐานหลักคิดของนโยบายการคลังให้มั่น ขณะที่นโยบายการเงินก็มีหลักคิดตามแนวทางของเขา โดยทั้งสองฝ่ายจะต้องทำงานร่วมกัน"
นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกระทรวงการคลังและแบงก์ชาติยังมีมุมมองในการประเมินทิศทางเศรษฐกิจที่ต่างกันอยู่ ซึ่งต้องมีการพูดคุยกันมากขึ้นเพื่อมองภาพและสภาวะเศรษฐกิจในทิศทางตรงกัน ซึ่งเชื่อว่าหากทั้งสองฝ่ายเห็นภาพเศรษฐกิจตรงกันแล้วก็จะเห็นนโยบายการเงินการคลังที่เหยียบคันเร่งและเหยียบเบรกพร้อมกันมากขึ้น
"สำหรับวันพรุ่งนี้ (16 พ.ค.) ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะมีการหารือกับผู้ว่าการแบงก์ชาติ คงต้องถามรายละเอียดจากท่าน ผมไม่ได้เข้าร่วม"
นอกจากนี้ ยังได้ลงรายละเอียดนโยบายการทำงานของแต่ละกองที่สำคัญ ประกอบด้วย กองนโยบายที่ดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ในการดำเนินนโยบายเพื่ออุดช่องว่างทางการเงินที่เป็นข้อจำกัดของธนาคารพาณิชย์ เพื่อตอบสนองและเติมเต็มความต้องการของประชาชน
ขณะที่เรื่องการออกใบอนุญาติธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ย้ำว่าไม่มีการจำกัดจำนวนราย แต่จะเป็นการพิจารณาตามความพร้อมและคุณสบมบัติของผู้ยื่นสมัคร
นายเผ่าภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางในปัจจุบัน และยังอยู่ในช่วงทรวงตัว ดังนั้นนโยบายด้านภาษีควรให้ความสำคัญกับการขยายฐานการจัดเก็บภาษี ให้กลุ่มที่อยู่นอกระบบเข้ามาสู่ในระบบมากขึ้น และนโยบายที่ส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ มากกว่าการโฟกัสเรื่องการปรับอัตราภาษี
"เร็วๆ นี้ จะมีการเสนอมาตรการด้านสินเชื่อต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 2 เรื่อง ได้แก่ สนับสนุนด้านการท่องเที่ยวเมืองรอง และนโยบาย Ignite Thailand เพื่อส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก"
นายเผ่าภูมิ กล่างถึงการประมาณการการขยายตัวเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2567 จะผงกหัวขึ้นจากที่ สศค.คาดการณ์ว่าจะขยายตัวที่ 2.4% เนื่องจากเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังที่จะเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจาก 3 แหล่งหลัก ประกอบด้วย โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 5 แสนล้านบาท งบประมาณรายจ่ายปี 2567 และปี 2568
"สศค.จะต้องมีทัศนคติในการคิดนอกกรอบ เพราะหากคิดตามข้อจำกัดในกรอบจะทำให้ย่ำอยู่ที่เดิม ดังนั้นหากเจอกรอบอะไรที่เป็นอุปสรรคก็ให้แก้ไขภายในใต้กรอบของกฎหมาย รวมทั้งการปรับนโยบายการคลังให้ทันต่อยุคสมัย สำหรับการดำเนินนโยบายการคลังที่เคยทำในอดีตที่อาจล้าหลังและไม่ทันต่อความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน โดยต้องมีแนวคิดในการดำเนินนโยบายอยู่บนพื้นฐานของสมดุลด้านวิชาการและความเป็นอยู่จริงของประชาชน อย่ามองแบบอยู่บนหอคอยงาช้าง แต่จะต้องลงไปสัมผัสและทำงานใกล้ชิดกับประชาชนด้วย" นายเผ่าภูมิ กล่าว