คลัง บริหารแหล่งเงินงบฯ 67 ดัน "ดิจิทัลวอลเล็ต" ออกพ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติม
"จุลพันธ์" เผยแนวทางบริหารแหล่งเงินปีงบฯ 67 เดินหน้า "ดิจิทัลวอลเล็ต" ชงเสนอวงเงินออก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม เข้าครม.ภายใน 1-2 สัปดาห์ ก่อนเสนอเข้าสภาฯ ยันไม่กระทบไทม์ไลน์ใช้เงินดิจิทัล
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (21 พ.ค.) มีมติเห็นชอบหลักการในการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2567 และปฏิทินการจัดทำงบประมาณรายจ่ายกลางปี 2567 ซึ่งเป็นไปตามตามวิธีการงบประมาณเพื่อเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ตามที่สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังเสนอและเห็นว่าเป็นวิธีการบริหารงบประมาณที่เหมาะสม
ซึ่งทั้งสองหน่วยงานมีมติ ครม.มอบหมายให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแหล่งเงินในการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต วงเงิน 500,000 ล้านบาท จาก 3 แหล่งงบประมาณ คือ
1.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 152,700 ล้านบาท
2.ใช้เงินจากมาตรา 28 ของธ.ก.ส. วงเงิน 172,300 ล้านบาท
3.บริหารจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 175,000 ล้านบาท
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางการบริหารงบประมาณปี 2567 วงเงิน 1.75 แสนล้าน สามารถทำได้โดยการโอนเปลี่ยนงบประมาณ การใช้งบกลางกรณีฉุกเฉินและจำเป็น และการทำงบประมาณเพิ่มเติม แต่เนื่องจากว่าหลังจากที่ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2567 มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนเม.ย. กรมบัญชีกลางรายงานว่าการเบิกจ่ายและการผูกพันงบประมาณเป็นไปได้ด้วยดี
ดังนั้นการโอนเปลี่ยนงบประมาณจึงอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนภาคเอกชนที่ผูกพันกับงบประมาณของรัฐ แนวทางที่ทั้ง 2 หน่วยงานเห็นว่าเหมาะสมที่สุดคือการทำงบประมาณเพิ่มเติม
ส่วนเงินที่จะมาใส่ในงบประมาณเพิ่มเติมนั้น มาได้จากสองแหล่ง คือ
1.รายได้ใหม่ ซึ่งรัฐบาลยังมีรายได้ที่ไม่ได้บรรจุในงบประมาณ
2.การกู้ชดเชยขาดดุล ซึ่งจะเป็นไปตามกรอบพ.ร.บวินัยการเงินการคลัง และ พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ
"โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อปรับกรอบการคลังระยะปานกลางใหม่ กำหนดแหล่งเงินและวงเงิน ก่อนนำเสนอให้ที่ประชุม ครม.รับทราบภายใน 1-2 สัปดาห์ จากนั้นจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ภายในช่วงต้นเดือนก.ค.2567"
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าจะไม่กระทบกับไทม์ไลน์ของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแน่นอน โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนในไตรมารที่ 3 และเริ่มใช้จ่ายในไตรมาสที่ 4 ปี 2567
ส่วนแหล่งเงินจากการใช้เงินจากมาตรา 28 ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน 172,300 ล้านบาท ยืนยันว่าไม่ได้มีประเด็นอะไรเพิ่มเติม โดยจะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการ
รวมทั้งจะมีการพูดคุยกันในที่ประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส. (บอร์ดธ.ก.ส.) ในช่วงสิ้นเดือนนี้ เพื่อสั่งการให้ฝ่ายจัดการวางแผนเพื่อเตรียมการรองรับและเตรียมกลไกการดำเนินงานให้เป็ยไปตามกรอบของกฎหมาย รวมทั้งธ.ก.ส.เองเป็นสถาบันการเงินที่จะเข้ามาเชื่อมต่อกับ ระบบจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต รวมทั้การปรับปรุงแอปพลิเคชันให้รองรับการเชื่อมต่อ