‘เศรษฐา’รับปม ’ศาล รธน.’ กระทบเชื่อมั่น เร่งเดินหน้า 4 'แผนงานสำคัญ' รัฐบาล

‘เศรษฐา’รับปม ’ศาล รธน.’ กระทบเชื่อมั่น เร่งเดินหน้า 4 'แผนงานสำคัญ' รัฐบาล

“เศรษฐา” รับผลตัดสินศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง 40 สว.กระทบเชื่อมั่น แต่รัฐบาลวางแผนทำงานต่อเนื่อง พร้อมกำชับ “ทีมไทยแลนด์”อุดรอยรั่วไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีกในอนาคต มั่นใจไมโครซอฟต์-กูเกิล ลงทุนไทย อยู่ระหว่างเจรจา รัฐบาลเร่ง 4 แผนงานสำคัญช่วงครึ่งปีหลัง

KEY

POINTS

  • นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ให้สัมภาษณ์พิเศษรายการเนชั่นสุดสัปดาห์ รับผลตัดสินศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง 40 สว.กระทบเชื่อมั่นนักลงทุน แต่รัฐบาลวางแผนทำงานต่อเนื่อง
  • มั่นใจไมโครซอฟต์-กูเกิล บริษัทยักษ์ใหญ่ลงทุนไทย อยู่ระหว่างเจรจา
  • เผยรัฐบาลเร่ง 4 แผนงานสำคัญช่วงครึ่งปีหลังพัฒนาภาคเกษตร เพิ่มรายได้เกษตรกร บูมท่องเที่ยว เดินหน้าจัดงานเฉลิมพระเกียรติในหลวง 72 พรรษา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษ “Exclusive Talk” ผ่านรายการ "เนชั่นสุดสัปดาห์" ออกอากาศทางเนชั่นทีวี วันนี้ (1 มิถุนายน 2567) ว่ากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของกลุ่ม 40 สว.ไว้พิจารณากรณีที่ในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุด ได้มีการตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯนั้นเรื่องนี้ถือว่าส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจอยู่เหมือนกัน ซึ่งนักลงทุนก็มีการสอบถามเข้ามา เพราะในภาพที่ออกมาอาจจะกระทบกับการทำงานในเรื่องของการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ที่เรากำลังคุยกับประเทศต่างๆอยู่ รวมทั้งเรื่องของการประกาศแผนการขับเคลื่อนประเทศไทย (Ignite Thailand) ทั้ง 8 ด้านที่ได้มีการประกาศไป แต่ในแง่ของรัฐบาลเราก็มีหน้าที่ที่จะให้ความเชื่อมั่น ซึ่งได้บอกกับทีมงานว่าเราต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจเพื่อไม่ให้งานสะดุด และให้เห็นว่าทุกอย่างนั้นรัฐบาลพยายามที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าให้ได้ 

นายเศรษฐาระบุด้วยว่ากรณีการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญที่ศาลฯให้เวลาชี้แจงภายใน 15 วัน ก็มีคนถามว่าจะมีการขอขยายระยะเวลาชี้แจงออกไปอีกหรือไม่ ซึ่งตนเองก็บอกไปว่าพยายามจะไม่ขอเพิ่มหรือขยายเวลา แต่ในระยะเวลา 15 วันนี้ขอให้เตรียมข้อมูล คำชี้แจงต่างๆให้รอบครอบและรัดกุม ซึ่งการชี้แจงในกรอบระยะเวลาที่กำหนดก็จะช่วยให้ขั้นตอนการพิจารณาต่างๆนั้นรวดเร็วยิ่งขึ้น 

‘เศรษฐา’รับปม ’ศาล รธน.’ กระทบเชื่อมั่น เร่งเดินหน้า 4 \'แผนงานสำคัญ\' รัฐบาล

สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศซึ่งในช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรีมา 10 เดือนได้เดินทางไปต่างประเทศกว่า 15 ทริปนั้นถือเป็นภารกิจสำคัญซึ่งสิ่งที่ไปพูดคุยกับรัฐบาล และนักลงทุนในประเทศต่างๆก็เพื่อให้เห็นว่าประเทศเราวันนี้พร้อมสำหรับเปิดรับการลงทุน รวมทั้งมีการพูดคุยกันถึงโอกาสทางการค้าการเจรจา FTA รวมทั้งไปช่วยพูดคุยในการแก้ปัญหาให้นักลงทุนที่กำลังจะตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทยแต่ติดปัญหาอุปสรรคบางอย่างซึ่งเรื่องเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งผลสัมฤทธิ์ของการเดินทางไปยังต่างประเทศนั้นบางคนก็อาจจะสอบถามว่าการลงทุนจะเกิดขึ้นจริงเท่าไหร่ และเมื่อไหร่จะมีการเข้ามาลงทุน

มั่นใจกูเกิล-ไมโครซอฟต์ลงทุนไทย

อย่างเช่น ตัวอย่างของกรณีของ ไมโครซอฟต์ และกูเกิล ซึ่งไมโครซอฟต์ นั้นสัตยา นาเดลลา ซีอีโอของไมโครซอฟต์นั้นเดินทางมายังประเทศไทยเองมีการประกาศการลงทุนในไทยแต่ยังไม่ประกาศตัวเลขการลงทุน ส่วนกูเกิลนั้นมีการไปประกาศการลงทุนในมาเลเซีย ซึ่งยืนยันว่าการทำงานระหว่างรัฐบาลกับบริษัทระดับโลกทั้งสองรายนั้นยังมีการหารือกันอยู่ แต่ว่าการที่มีประกาศตัวเลขการลงทุนในประเทศอื่นก็เพราะมีการคุยกันมานานก่อนประเทศไทย ซึ่งการลงทุนระดับแสนล้านบาทก็ต้องใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจ เหมือนกับกรณีของ AWS  ของบริษัทอะเมซอน เว็บเซอร์วิส ที่ลงทุนในไทย 1.9 แสนล้านบาท ซึ่งก็มีการทำงานมาต่อเนื่องมาระยะหนึ่งซึ่งเมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งก็มั่นใจจะมีการประกาศการลงทุนในไทยเช่นกัน

‘เศรษฐา’รับปม ’ศาล รธน.’ กระทบเชื่อมั่น เร่งเดินหน้า 4 \'แผนงานสำคัญ\' รัฐบาล

“ได้คุยกับทีมงานที่ทำงานซึ่งทุกภาคส่วนที่ทำงานด้วยกัน อาจเรียกว่า Team Thailand ว่าในเรื่องนี้กระทบความมั่นใจของนักลงทุน เพราะบางคนนั้นจะเข้ามาลงทุนระยะยาวซึ่งก็ต้องรอผลที่จะออกมา ตอนนี้เรามั่นใจว่าเราชี้แจงได้ กรณีที่เป็น best case เราผ่านสถานการณ์นี้ได้ แต่ก็ต้องมานั่งดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วพยายามแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นอีก ไม่ใช่นิ่งนอนใจเพราะว่าหากเกิดขึ้นอีกก็จะกระทบกับความเชื่อมั่นได้ นายกรัฐมนตรีถือว่าเป็นตำแหน่งสำคัญของฝ่ายบริหาร เปรียบเหมือนผู้เล่นคนสำคัญการทำงานที่ผ่านมาเราทำเต็มที่แต่ถ้ามีคนไม่พอใจแทนที่จะปฏิเสธ เราก็ยอมรับแล้วนำมาแก้ไข”

เดินหน้าแก้หนี้นอกระบบ

สำหรับการแก้หนี้นอกระบบนอกจากในเรื่องของการปราบปรามเจ้าหนี้นอกระบบที่ปล่อยกู้ผิดกฎหมาย นายกรัฐมนตรีบอกว่าได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย ใช้กลไกในระดับอำเภอในการเจรจา ประนีประนอมหนี้ ซึ่งในกรณีที่มีการจ่ายดอกเบี้ยไปจนเกินวงเงินที่มีการกู้ยืมไปแล้วก็ต้องใช้กฎหมายบังคับว่าต้องยุติการบังคับให้จ่ายหนี้ได้แล้ว หลังจากนั้นก็ต้องมาดูว่าจะสร้างรายได้ให้กับคนได้มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างไร ซึ่งในส่วนนี้กลไกที่จะเข้ามาช่วยก็คือกระทรวงการคลัง ที่จะต้องมาจัดสรรสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเข้ามาช่วยเหลือลูกหนี้ให้มีสภาพคล่องมากขึ้น สามารถที่จะดำรงชีวิตและประกอบอาชีพต่อไปได้ ส่วนหนี้สินของข้าราชการเช่น หนี้ของข้าราชการตำรวจซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ว่าหากมีหนี้มากจนล้มละลายจะต้องถูกออกจากราชการด้วย ซึ่งกฎระเบียบแบบนี้ต้องมีการแก้ไขไม่ให้กระทบกับลูกหนี้ เป็นต้น

เดินหน้า 4 ภารกิจรัฐบาล

สำหรับภารกิจที่สำคัญของรัฐบาล 4 เรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ ได้แก่

1.การพัฒนาการเกษตรโดยต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนโยบายไม่ท่วมไม่แล้ง ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนก็ต้องเฝ้าระวังในเรื่องการป้องกันน้ำท่วม โดยได้มีการปรึกษากับทีมงานว่าจะลงในพื้นที่ใดบ้างที่เป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก เช่น จ.อุบลราชธานี ที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากมาโดยตลอด

ซึ่งพื้นที่แบบนี้ควรจะลงไปแล้ววางแผนทำงานร่วมกับกรมชลประทานเพื่อดูเรื่องของการระบายน้ำให้เป็นระบบเพื่อประโยชน์ของเกษตรกร และผู้ใช้น้ำในพื้นที่ ซึ่งเรื่องการบริหารจัดการน้ำภาคเกษตรจะทำควบคู่ไปกับการพัฒนาพันธุ์พืช การทำเกษตรแบบแม่นยำ และการหาพันธุ์พืชที่ดีมาให้เกษตรกรปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีตรงกับความต้องการของตลาดมากขึ้น

2.การดูแลราคาพืชผลเกษตร ซึ่งนอกจากราคาสินค้าเกษตรหลักๆที่มีราคาดี เช่น ข้าว ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง ที่ราคาดี ตอนนี้รัฐบาลกำลังดูในเรื่องของราคาสินค้าเกษตรที่เป็นพืชเศรษฐกิจระดับรองที่ผลผลิตกำลังจะออกมา เช่น ลำไย หอมแดง ซึ่งพืชผลเหล่านี้รัฐบาลจะช่วยเข้าไปดูกลไกราคาผ่านการบริหารดีมานต์ซัพพลาย รวมทั้งหาตลาดเพิ่มเพื่อให้ราคาสูงขึ้น ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าการเพิ่มรายได้ของเกษตรกรไทยให้ได้ 3 เท่าภายในรัฐบาลนี้

3. การขับเคลื่อนการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องขับเคลื่อนต่อเนื่องเพราะในไตรมาสที่ 3 – 4 ปีนี้ จะเริ่มเข้าสู่ไฮต์ซีซั่น ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่มีกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และการจัดอีเวนต์ต่างๆเข้ามา ซึ่งจะเสริมให้การท่องเที่ยวของไทยมีความคึกคักและต่อเนื่องไปถึงปี 2568 ที่ประเทศไทยตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นฮับการท่องเที่ยวของอาเซียน

และ 4.การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ซึ่งถือว่าเป็นวาระแห่งชาติที่สำคัญของรัฐบาลในปีนี้ มีกิจกรรมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นงานที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด ส่วนภารกิจอื่นๆของนายกรัฐมนตรีที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศในช่วงนี้ก็จะชะลอไว้ก่อน