เก็บ VAT สินค้านำเข้าราคาต่ำ 1,500 บาทรัฐบาลล็อกเป้าสกัด ‘สินค้าจีน’ ตีตลาดไทย

เก็บ VAT สินค้านำเข้าราคาต่ำ 1,500 บาทรัฐบาลล็อกเป้าสกัด ‘สินค้าจีน’ ตีตลาดไทย

รัฐบาลการ์ดสูงป้องสินค้าจีนคุณภาพต่ำตีตลาด ห่วงเกิดภาวะ Zero Economy งัดมาตรการเก็บ VAT สินค้าต่ำกว่า 1,500 บาท คลังเตรียมประกาศใช้ประกาศใหม่เก็บ VAT นำเข้าตั้งแต่บาทแรก  

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยถึงการที่รัฐบาลเร่งรัดออกมาตรการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท โดยการเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการคลัง ออกประกาศฉบับใหม่เพื่อเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้ามูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับสินค้านำเข้ามูลค่าตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป จากเดิมที่ไม่เก็บ VAT สินค้าที่มูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท โดยให้มีผลภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 15 วันไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2567 ว่ามาตรการนี้เนื่องจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลได้หารือกันถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ผลิตสินค้าในประเทศไทยที่ถูกสินค้าราคาต่ำจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าจีนเข้ามาตีตลาดจำนวนมากในสินค้าหลายประเทศ ซึ่งส่งผลกับการผลิตสินค้าของผู้ประกอบการไทยที่ไม่สามารถสู้ในเรื่องราคาของสินค้าที่ต่ำมากเพราะมีต้นทุนในการผลิตที่ต่ำกว่า

 ประกอบกับมีข้อกังวลเกี่ยวกับโมเดลเศรษฐกิจแบบใหม่ของผู้ประกอบการชาวจีนที่ใช้รูปแบบของ “Zero Economy” คือ ในกระบวนการผลิตสินค้า หรือการเข้ามาทำธุรกิจในไทยจะใช้วัตถุดิบ เครื่องจักร รวมทั้งแรงงานจากจีนเข้ามาผลิตในประเทศไทย ส่งออกขายในท้องตลาด และนำรายได้ส่งกลับคืนไปยังประเทศจีน ทำให้ประเทศไทยที่เป็นต้นทางการผลิต ไม่ได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจเท่าที่ควร ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องวางมาตรการแก้ไข นายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง เร่งดำเนินการมาตรการทางภาษีเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับการผลิตสินค้าของผู้ประกอบการไทย

“ตอนนี้การรุกเข้ามาของสินค้าจีน และการผลิตจากจีนในบางโรงงานที่เข้ามาตั้งในไทยแต่ใช้เครื่องมือ เครื่องจักร จากจีน และจ้างคนจีนเข้ามาทำการผลิตด้วย และลูกค้าก็คือ คนจีนอีก ที่แบบที่ไทยได้ประโยชน์น้อยมาก เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไข ไม่เช่นนั้นเราอาจต้องเจอกับภาวะ Zero Economy ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจ”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าก่อนหน้านี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยข้อมูลว่า ในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา ผู้ผลิตสินค้าไทย ต้องเผชิญกับการแข่งขันรุนแรงกับสินค้าจากจีน โดยปีที่แล้ว ไทยนำเข้าสินค้า อุปโภคบริโภคจากจีน คิดเป็นมูลค่ามากถึง 469,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% หรือ มีสัดส่วน ราว 41% ของการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมด  การเข้ามาตีตลาดของสินค้าจีน ได้กดดันความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตสินค้าในไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตในหมวด สินค้า เห็นได้จากสินค้านำเข้าจากจีน บางรายการมีราคาถูกกว่าไทย เช่น สินค้าแฟชั่น (รองเท้า กระเป๋า) และผักผลไม้สด และปรุงแต่ง เป็นต้น

ขณะที่สินค้าที่ไทยนำเข้าจากจีนมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีจำนวนหลายรายการ โดยระหว่างปี 2553-2566 ไทยมีอัตราการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นถึง 8.9% โดยมีสินค้าที่นำเข้าตามลำดับของมูลค่าสินค้าดังนี้

  •  อันดับ 1 เครื่องใช้ไฟฟ้า สัดส่วนมูลค่า 43.3%
  •  อันดับ 2 ผักผลไม้สดและปรุงแต่ง สัดส่วนมูลค่า 10.0%
  •  อันดับ 3 เสื้อผ้าและรองเท้า สัดส่วนมูลค่า 9.3%
  • อันดับ 4 เครื่องใช้ในบ้านและของตกแต่ง 9.1%
  • อันดับ 5 ของใช้ในครัวและโต๊ะอาหาร 9.0%

ทั้งนี้กำลังการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่ถูกสินค้าจีน เข้ามาตีตลาดมีแนวโน้ม ลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่ของกิน (Non-food) ซึ่งอัตราการใช้กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมสินค้าแฟชั่น (รองเท้า เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย) และเฟอร์นิเจอร์ อยู่ที่เพียง 30-45% เท่านั้น

สำหรับมาตรการที่ ครม.เห็นชอบเรื่องการออกประกาศกระทรวงการคลัง ในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท โดยจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้านำเข้าตั้งแต่บาทแรกนั้น ครม.สั่งการให้กระทรวงการคลังไปออกประกาศกระทรวงการคลังฉบับใหม่เพื่อใช้แทนฉบับเดิมเป็นการชั่วคราวจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2567 โดยระหว่างนี้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรอยู่ระหว่างจัดทำกฎหมายที่จะมาบังคับใช้เป็นการถาวร

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์