'เศรษฐา' ปัดรัฐบาลส่ง 'กิตติรัตน์' นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
"เศรษฐา" ปัดรัฐบาลส่ง "กิตติรัตน์" นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ชี้กิตติรัตน์ มีตำแหน่งทางการเมืองแล้วเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี
กรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศได้เสนอข่าวว่ารัฐบาล เตรียมจะส่งคนจากพรรคเพื่อไทยไปเป็นประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายหลังจากที่นายปรเมธี วิมลศิริ ประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยคนปัจจุบันที่จะหมดวาระลงในเดือน ก.ย.ปีนี้ โดยมีรายชื่อของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ที่ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และนายศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นแคนดิเดตในการเป็นประธานบอร์ด ธปท.คนใหม่นั้น
ล่าสุดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ปฏิเสธการที่รัฐบาลเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ไปเป็นประธานบอร์ด ธปท.คนใหม่ โดยตอบทวิตเตอร์ (X) ส่วนตัวโดยโคว้ดข้อความจากผู้ที่ระบุว่าถ้าประธานบร์ด สศช.คือ ดร.ศุภวุฒิ ประธารบอร์ดแบงก์ชาติก็ต้องเป็นนายกิตติรัตน์แล้ว
โดยนายกรัฐมนตรีตอบว่า
"ถึงอยากให้เป็นก็เป็นไม่ได้ครับเพราะท่านเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีแล้ว"
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่านายกิตติรัตน์ได้รับการทาบทามให้ไปสมัครเป็นประธานบอร์ด ธปท.จริง ในส่วนของข้อกฎหมายที่ประธานบอร์ด ธปท.นั้นต้องไม่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี นั้น แหล่งข่าวให้เหตุผลว่าตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีที่นายกิตติรัตน์ดำรงตำแหน่งอยู่นั้นอาจตีความได้ว่าไม่ใช่ตำแหน่งทางการเมือง
หากลาออกไปสมัครเป็นประธานธปท.แล้วได้รับเลือกจากคณะกรรมการสรรหาก็อาจสามารถดำรงตำแหน่งได้เลย เพราะตำแหน่งนี้ต่างจากตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งรวมทั้งต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน
ขณะที่อีกประเด็นที่นายกิตติรัตน์มีคดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้นถือว่าคดียังไม่ได้สิ้นสุด ถือว่ายังสามารถมาดำรงตำแหน่งนี้ได้เช่นกัน เนื่องจากถือว่ายังไม่ขาดคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด ธปท.
อย่างไรก็ตามเมื่อนายกรัฐมนตรีปฎิเสธชื่อของนายกิตติรัตน์ในการไปสมัครเป็นประธานบอร์ด ธปท.เนื่องจากเหตุผลที่มีตำแหน่งทางการเมืองก็ต้องจับตาดูว่ารายชื่อของคนที่จะสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นประธานบอร์ด ธปท.คนใหม่นั้นจะมีใครบ้างและมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับรัฐบาลมากน้อยเพียงใด