ม.หอการค้าไทย เผย ผลสำรวจ เปิดสถานบันเทิงครบวงจร รัฐต้องให้ข้อมูลรอบด้าน

ม.หอการค้าไทย เผย ผลสำรวจ เปิดสถานบันเทิงครบวงจร รัฐต้องให้ข้อมูลรอบด้าน

ม.หอการค้าไทย เผย ผลสำรวจผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ( Entertainmemt Complex ) ชี้ยังไม่ชัดหนุน-ค้าน  แนะศึกษารายละเอียด พร้อมให้ช้อมูลรอบด้านให้กับประชาชน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ได้ทำการสำรวจผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainmemt Complex ) ที่มีต่อเศรษฐกิจไทย พบว่า

ผลสำรวจยังไม่ชัดเจนว่าจะสนับสนุนให้มีการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งหากว่ารัฐบาลจะเดินหน้าต้องจะต้องให้ความรู้กับประชาชน เพราะผลสำรวจส่วนใหญ่

  • 41% ไม่เห็นด้วย  
  • 19.3% ที่เห็นด้วยน้อย
  • 16.4% ที่เห็นด้วยน้อยที่สุด

สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนยังละล้าละลังกับการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร และเมื่อถามว่า จะไปเล่นหรือไม่ก็ประชาชนก็ตอบทั้งไปและไม่ไป ส่วนในด้านเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างงาน แต่ในทางลบก็มองว่าจะสร้างหนี้ครัวเรือนมากขึ้น ปัญหาการติดการพนัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องก้ำกึ่งที่รัฐบาลจะต้องศึกษาให้ดี ให้ข้อมูลอย่างรอบด้านและรับฟังความเห็นอย่างกว้างขวางเพราะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม

ทั้งนี้เมื่อศึกษาตัวอย่างของประเทศที่อนุญาตให้เปิดคาสิโนถูกกฎหมาย เช่น  ลาสเวกัส สหรัฐ ,มาเก๊า ,สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เป็นต้น  โดยรายได้จากคาสิโน  อาทิ  ลาสเวกัสประมาณ 30,00 ล้านดอลาร์  มาเก๊า 32,000 ล้านดอลลาร์ เวียดนาม 5,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเงินที่เป็นรายได้เข้าประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยว  และประเทศที่เปิดคาสิโนถูกกฎหมาย ก็ไม่มีภาพลักษณ์ของการพนันที่รุนแรง เพราะเวลาที่คนไปเที่ยวสิงคโปร์และเวียดนาม ก็ไม่บอกว่าจะไปคาสิโน แต่คาสิโนเป็นเพียงผลพลอยได้ สำหรับประเทศไทยหากมีการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรก็จะทำให้มีเงินสะพัดประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท

“ผลสำรวจไม่บอกว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่เป็นการศึกษาเบื้องต้น ซึ่งการเล่นพนัน เล่นออนไลน์ เติบโตมากขึ้น หากรัฐบาลจะเดินหน้า รัฐบาลควรจะศึกษารายละเอียดให้ดี และควรให้ข่าวสารข้อมูลกับประชาชนรอบด้านโดยเฉพาะเรื่องผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจว่าเป็นประโยชน์ด้านไหนบ้าง” นายธนวรรธน์ กล่าว

นายวิเชียร แก้วสมบัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า  สถานบันเทิงครบวงจรในบริบทของประเทศไทยประกอบด้วยบริการต่างๆ เช่น คาสิโน ห้างสรรพสินค้า โรงแรมหรู 5 ดาว ร้านอาหารและ บาร์ ศูนย์การประชุม สวนสนุก ฯลฯ โดยรัฐบาลวางแผนเปิดในพื้นที่เป้าหมาย 5 แห่ง ได้แก่ พื้นที่ท่าเรือคลองเตย (กทม), พื้นที่บางกะเจ้า (สมุทรปราการ), พื้นที่ EEC, เชียงใหม่ และภูเก็ต คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 257

ผลกระทบทางบวกที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ได้แก่ การดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการท่องเที่ยว การสร้างงานและ กระจายรายได้ในภาคบริการ รวมถึงการเพิ่มรายได้ให้รัฐผ่านภาษีและค่าธรรมเนียม  ในขณะที่ผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ ความเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจใต้ดิน ผลกระทบต่อหนี้สินครัวเรือน ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ที่อาจเพิ่มขึ้น ตลอดจนต้นทุนทางสังคมจากปัญหาการติดการพนัน

สำหรับรายได้จาก การเปิดสถานบันเทิงครบวงจร คาดว่ารายได้ของผู้ประกอบการฯ จะอยู่ที่ 6.95 หมื่นล้านบาท หรือ0.7% ของจีดีพี ในขณะที่รัฐบาลจะมีรายได้ 3.60 หมื่นล้านบาท ทำให้รายได้รวมอยู่ที่1.06 แสนล้านบาท โดยมาตรการสำคัญที่รัฐบาลควรทำเพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบทางลบ ได้แก่ การออกกฎหมายและระเบียบที่เข้มงวด การป้องกันและ บำบัดปัญหาการติดการพนัน และการจัดสรรรายได้ไปสู่การพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ

นายวิเชียร กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอแนะสำหรับรัฐบาล

1. ตรากฎหมายจะต้องสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและผลกระทบทางด้านสังคม

2.กลไกการกำกับดูแลต้องชัดเจน โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้  

3.จำนวนขนาดของการลงทุนจะต้องสอดคล้องกับอุปสงค์ของตลาด ป้องกันการลงทุนเกินจำเป็น

4.อัตราภาษีคาสิโนและเงื่อนไขต้องสามารถแข่งขันได้

5.ควรเข้มงวดเกณฑ์การเข้าใช้บริการคาสิโน

6.กลไกการนำรายได้จากกิจการคาสิโนต้องมีประโยชน์ มีประสิทธิภาพ โปร่งใสและตรวจสอบได้