ครม.ไฟเขียว 2 มาตรการ อัดสินเชื่อ 5.5 หมื่นล้าน ช่วยSMEs - อุตสาหกรรมรายย่อย
ครม.ไฟเขียว 2 มาตรการ สินเชื่อ 5.5 หมื่นล้าน ช่วยSMEs - อุตสาหกรรมรายย่อย ผ่านโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND 5 พันล้านบาท และการค้ำประกันสินเชื่ออีก 5 หมื่นล้าน ตั้งงบประมาณชดเชยรวม 8,275 ล้านบาท
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ครม. ว่า ที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบ 2 โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีวงเงินรวม 5.5 หมื่นล้านบาท โดยรัฐบาลจะใช้งบประมาณในการชดเชยดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายในการชดเชยความเสียหายตามที่เกิดขึ้นจริงในโครงการ 2 มาตรการนี้เป็นวงเงิน รวม 8,275 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.โครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND วงเงินสินเชื่อ 5,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนเงินทุนใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1.ศูนย์กลางการท่องเที่ยว (Tourism Hub) 2. ศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ (Wellness & Medical Hub) และ 3. ศูนย์กลางอาหาร (Agriculture & Food Hub)
ทั้งนี้มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ “IGNITE THAILAND” ธนาคารออมสิน จะเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อวงเงินรวม 5,000 ล้านบาท วงเงินต่อรายสูงสุด 10 ล้านบาท ระยะเวลากู้ไม่เกิน 10 ปี ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.5% ต่อปี ใน 2 ปีแรก ปลอดชำระเงินต้น 6 เดือน ปีที่ 3 - 4 SMEs จ่าย 0.75% ต่อปี ปีที่ 5 เป็นต้นไปดอกเบี้ย 1.75% โดยรัฐบาลจะรับภาระชดเชยดอกเบี้ย 1,150 ล้านบาท
“โครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND จะช่วยสนับสนุนให้อุตสาหกรรมเป้าหมาย เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเพียงพอสำหรับการพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลกตามที่รัฐบาลประกาศวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ไว้”
2.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 11 (PGS 11) กำหนดวงเงินค้ำประกัน 50,000 ล้านบาท โดยใช้กลไกการค้ำประกันสินเชื่อผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อให้ผู้ขอสินเชื่อได้รับสินเชื่อตามโครงการได้เพียงพอกับความต้องการดำเนินธุรกิจ โดยฟรีค่าธรรมเนียมการค้ำประกันใน 2 ปีแรก และค่าธรรมเนียมเพียง 0.75% ต่อปี ในปีที่ 3 – 4 โดยรัฐบาลจะชดเชยค่าค้ำประกัน 7,125 ล้านบาท โดยโครงการนี้คาดว่าจะสามารถปล่อยกู้ได้กว่า 6 หมื่นล้านบาท
“การช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีครั้งนี้ รัฐบาลเชื่อว่า จะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินของรัฐได้สะดวกมากขึ้น และในการปล่อยกู้ครั้งนี้จะขยายไปถึงกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และสถาบันการเกษตรที่เป็นนิติบุคคลได้ทันที”
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าวงเงินสินเชื่อทั้งสองโครงการนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีขยายตัวได้มากขึ้น