‘เผ่าภูมิ’ โต้ 'ธนาคารโลก' ยันดิจิทัลวอลเล็ต ดันเศรษฐกิจไทยโตได้มากกว่า 1%

‘เผ่าภูมิ’ โต้ 'ธนาคารโลก' ยันดิจิทัลวอลเล็ต ดันเศรษฐกิจไทยโตได้มากกว่า 1%

‘เผ่าภูมิ’ โต้ 'ธนาคารโลก' ยันดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้เศรษฐกิจโตได้มากกว่า 1% ชี้เป็นโครงการใหม่ต้องมีการประเมินผลจากปัจจัยที่หลากหลาย ชี้อย่าเอามาตรการ การคลังไปปนกับเรื่องอัตราดอกเบี้ย ชี้แบงก์ชาติเคยประเมินพลาดมาแล้ว ขึ้นดอกเบี้ยก่อนหน้าแต่เงินเฟ้อปัจจุบันตกขอบ

วันนี้ (8 ก.ค.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยถึงกรณีธนาคารโลก (World Bank) กล่าวว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ 0.5-1% เท่านั้น ว่าในเรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจว่าโครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการใหม่

จะส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร ก็ต้องมีการประเมินอีกครั้ง เพราะตรงนี้ยังที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่เคยมีการจำกัดรัศมี ไม่เคยมีการทำให้เงินหมุนอยู่หมู่บ้าน ในชุมชน ฉะนั้นการประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจหลากหลาย

ซึ่งกระทรวงการคลังก็ประเมินจากหน่วยงานต่างๆ ที่เขาประเมิน ซึ่งตัวเลขการประเมินก็มีความหลากหลายขึ้นอยู่กับเงื่อนไข เช่น สินค้าต้องห้ามที่ยังไม่นิ่ง เราจึงยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจเท่าไร ทั้งนี้รัฐบาลมีหน้าที่รับฟัง รับข้อห่วงใย และข้อประเมิน และมาพิจารณาร่วมกัน

เมื่อถามต่อว่า ข้อสังเกตเวิลด์แบงก์ ระบุว่าถ้าไม่ทำโครงการดิจิทัลฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจจะสามารถลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ถึง 0.25-0.5% ต่อปี นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า มาตรการทางการเงินก็ต้องทำหน้าที่ในเรื่องของมาตรการทางการเงินด้วยตัวของมาตรการทางการเงินอยู่แล้ว

 

“ในเรื่องนี้อย่าเอามาผูกกันในมิติต่างๆ ธปท.เคยผูกมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่คาดการว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเกิดปีนี้ และมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปรอ เพราะกลัวเงินเฟ้อ ธปท.เคยทำมาแล้ว เมื่อเอาผูกกันอย่างนี้ ผูกเสร็จแล้วก็มีปัญหา ในที่สุด ธปท.ขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยที่เงินดิจิทัลฯ ยังไม่ออก และเงินเฟ้อก็ไม่ได้ขึ้น ทำให้มีปัญหา และในปัจจุบันก็เห็นว่าเงินเฟ้อตกขอบในปัจจุบัน” นายเผ่าภูมิ กล่าว  

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์