‘บีโอไอ’ ชี้ 3 ปัจจัย ‘สงครามราคาEV’ บริหารสต๊อก – ราคาแบตฯ - ค่ายรถแข่งขันสูง
“บีโอไอ” ชี้ 3 สาเหตุค่าย EV หั่นราคาต่อเนื่อง จากการบริหารสต๊อก ราคาแบตเตอรี่ที่ลดลง และการแข่งขันที่สูงขึ้น ชี้ค่ายรถ EV ที่เข้าร่วมมาตรการ EV 3.0 และ EV 3.5 มีเงื่อนไขต้องผลิตในไทย ช่วงปี 67 – 70 ต่อเนื่อง เชื่อมีแผนและตลาดส่งออกต่างประเทศ
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในฐานะ กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) กล่าวถึงสถานการณ์การการลดราคาอย่างต่อเนื่องของรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในขณะนี้ว่ามีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
3 สาเหตุค่าย EV หั่นราคา
ทั้งนี้การลดราคาลงมาจาก 3 ส่วนหลักๆแก่ การบริหารสต็อกของค่ายรถ EV ต้นทุนแบตเตอรี่ซึ่งเป็นส่วนประกอบของรถ EV ที่ลดลง และสภาวะการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้นหลังจากมีค่ายรถเข้ามาทำตลาด EV ในประเทศไทยมากขึ้นในปัจจุบัน
ค่ายรถมีแผนส่งออก
เมื่อถามถึงกรณีที่ค่ายรถ EV มีการผลิตรถ EV ในประเทศมากขึ้นในปีนี้จะส่งผลต่อตลาดในประเทศหรือไม่เลขาธิการบีโอไอกล่าวว่า การผลิตรถ EV ของค่ายต่างๆเป็นไปตามเงื่อนไขการสนับสนุนอุตสาหกรรมรถ EV ของไทยที่ได้ออกมาตรการ EV 3.0 และ EV3.5 มาก่อนหน้านี้ซึ่งตามเงื่อนไขค่ายรถ EV ที่มีการนำเข้ารถจากต่างประเทศมาจำหน่ายในประเทศไทยจะต้องมีการผลิตชดเชยการนำเข้า
เงื่อนไขEV 3.0 - 3.5 กำหนดต้องผลิตชดเชย
ซึ่งมีเงื่อนไขดังนี้
1.มาตรการ EV 3.0 ส่วนที่นำเข้า 2565-2566 ภายใต้ EV3 ต้องผลิตชดเชย 1-1.5 เท่า ภายในปี 2568
2.รถ EV ที่ร่วมโครงการ EV 3.5 ที่มีการนำรถเข้าในปี 2567 – 2568 ต้องมีการผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้า 2 – 3 เท่าภายในปี 2570
ทั้งนี้แผนการผลิตรถ EV ของแต่ะละค่ายรถในไทยนอกจากขายในประเทศ ก็ยังมีแผนที่จะนำรถ EV ที่ผลิตได้ส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย
14 ค่ายเตรียมผลิตรถ EV ตามเงื่อนไข
แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิต ระบุกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่าได้ประมาณการยอดผลิตชดเชย/ผลิตในประเทศตามมาตรการสนับสนุน EV3.0 มีค่ายรถเข้าร่วมทั้งหมด 14 บริษัท แบ่งเป็นการนำเข้าปี 2565-2566 รวม 84,195 คัน , นำเข้าปี 2567 รวม 66,448 คัน และนำเข้าปี 2568 รวม 34,386 คัน รวมมีการนำเข้าทั้งหมด 185,029 คัน