ไทยยังต้องระวัง ถูกหั่นเครดิตเรตติ้ง
แม้จะผ่านช่วงวิกฤติโควิดมาได้พักหนึ่งแล้ว แต่เศรษฐกิจไทยกลับยังไม่มีท่าทีว่าจะปรับตัวดีขึ้นเท่าไรนัก แถมยังมีนโยบายเข้ามาสนับสนุนค่อนข้างน้อย
หลังวิกฤติโควิดคนไทยตั้งความหวังไว้สูงมากว่าเศรษฐกิจจะพลิกฟื้นกลับมาซักที แต่ผ่านมากว่า 2 ปีแล้ว ยังไม่เห็นวี่แววว่า เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นเลย การฟื้นตัวเป็นไปอย่างเชื่องช้า เหมือนคนเป็นลองโควิด ทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลังก็เข้ามามีส่วนสนับสนุนค่อนข้างน้อย โดยนโยบายการคลังฝากความหวังไว้กับ “ดิจิทัล วอลเล็ต” ซึ่งดูแล้วยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน ส่วนนโยบายการเงินก็ได้แต่นั่งมอง เพราะคิดว่าตัวเองไม่น่าจะมีบทบาทอะไรมากกับการผลักดันให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วขึ้น กลายเป็นว่าคนไทยส่วนใหญ่ ต้องมานั่งเจ็บปวดกับพิษเศรษฐกิจที่ซึมลึก
ปัญหาที่น่าห่วงในเวลานี้ คือ หนี้สินของภาคต่างๆ โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนที่เริ่มปริแตกออกมาให้เห็น และดูเหมือนว่า “แบงก์ชาติ” ก็เริ่มมองเห็นปัญหานี้แล้ว เพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เชิญผู้บริหารระดับสูงจากสถาบันการเงินต่างๆ รวมทั้งผู้แทนสมาคมธนาคารไทยมาหารือ โดยขอให้ร่วมกันผลักดันมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม
อย่างที่ทราบกันดี ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยน่าห่วงมากๆ ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันดูเหมือนว่าระเบิดลูกนี้กำลังทำลายล้างระบบเศรษฐกิจฐานราก วันนี้เราเห็น “หนี้เสีย” ของภาคครัวเรือนพุ่งทะยานไม่หยุด ข้อมูลของเครดิตบูโรชี้ให้เห็นว่า สินเชื่อที่อยู่ภายใต้เครดิตบูโรกว่า 13.6 ล้านล้านบาท กลายเป็นหนี้เสียไปแล้ว 1.09 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 8% หากเทียบกับหนี้ทั้งหมด ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนน่าตกใจ สะท้อนว่าปัญหาหนี้เน่ายังคงเลวร้ายลงต่อเนื่อง
สิ่งที่เราเป็นห่วงไม่แพ้กัน คือ หนี้สาธารณะและหนี้ภาคเอกชน โดยเฉพาะหนี้ภาคเอกชนที่เวลานี้ยังพูดถึงกันค่อนข้างน้อย แต่ในงานแถลงข่าว Global Financial Market and Thailand’s Corporate Credit Outlook 2024 ที่จัดโดย ฟิทช์ เรทติ้งส์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีพูดถึงอันดับเครดิตของภาคเอกชนไทยไว้เช่นกัน โดยระบุว่า ภาคเอกชนไทยก่อหนี้เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค ทำให้ที่ผ่านมา ฟิทช์ ปรับลดเครดิตเรตติ้งไปราว 7 บริษัท แต่ฟิทช์ก็พูดให้ความหวังว่า สถานการณ์โดยรวมๆ ถือว่าเริ่มดีขึ้นบ้าง อย่างน้อยเวลานี้ บริษัทที่มี negative outlook เริ่มกลับมาเท่ากับก่อนโควิดแล้ว
ส่วนอันดับเครดิตของประเทศนั้น ฟิทช์ อยู่ระหว่างการประเมิน ซึ่งเรามองว่า ประเด็นที่น่าห่วงของไทย คือ ปัญหาหนี้ที่ดูจะทวีความรุนแรงขึ้นในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือน หนี้ภาครัฐ หรือแม้แต่หนี้ภาคธุรกิจ หากไทยยังไม่สามารถผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว ก็คงจะหนีไม่พ้นความเสี่ยงที่จะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลง ถึงตอนนั้นสถานการณ์ทุกอย่างจะยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม เราจึงหวังว่าทุกภาคส่วนจะร่วมมือหาทางป้องกันไม่ให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นกับประเทศไทย!