มาตรการ EEC Visa … ความหวัง ช่วยพยุงตลาดที่อยู่อาศัยใน EEC

เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คนต่างด้าวที่มีศักยภาพและเป็นกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาทำงานในประเทศไทย 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ 2) ผู้บริหาร 3) ผู้ชำนาญการ และ 4) คู่สมรสและบุคคลซึ่งอยู่ในอุปการะ โดยจะได้รับสิทธิในการเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรตามจำนวน และระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตจากเลขาธิการ กพอ. สูงสุดไม่เกิน 10 ปี และสิทธิอื่น ๆ เช่น การตรวจลงตรา/เปลี่ยนประเภท/ต่ออายุ Visa ณ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทุกแห่งในพื้นที่ EEC การทำงานโดยได้รับ EEC Work permit การลดหย่อนอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราคงที่ 17%

จากข้อมูลของสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว ระบุว่า ณ เดือนมิ.ย. 2024 มีชาวต่างชาติที่มีทักษะสูง (Expatriate หรือ EXPAT) อาศัยอยู่ในชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทราโดยรวมจำนวน 26,283 คน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในชลบุรีจำนวน 19,228 คน ทั้งนี้ชลบุรีเป็นจังหวัดหัวเมืองทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญ ทั้งด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว จึงนับเป็นแหล่งงานที่สำคัญ และมีความต้องการแรงงานทักษะสูง ส่งผลให้มี EXPAT เข้ามาทำงาน และอยู่อาศัยในชลบุรีจำนวนมาก ประกอบกับค่าครองชีพที่ไม่สูงมากนัก รวมถึงยังมีความพร้อมทางด้านสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งสามารถรองรับการอยู่อาศัยของ EXPAT ได้เป็นอย่างดี

SCB EIC มองว่า หากมาตรการ EEC Visa ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จะสามารถดึงดูดให้ EXPAT เข้ามาทำงาน และอยู่อาศัยในชลบุรีได้มากขึ้น ซึ่งจะมีส่วนช่วยพยุงตลาดที่อยู่อาศัย ทั้งการซื้อคอนโดจาก EXPAT รวมถึงนักลงทุนที่ต้องการซื้อคอนโด และที่อยู่อาศัยแนวราบ เพื่อปล่อยเช่าสำหรับ EXPAT โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2024 หน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในชลบุรีอยู่ที่ 12,539 หน่วย หดตัว 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 หลังจากที่ในปี 2023 หน่วยโอนกรรมสิทธิ์เพิ่งฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ 34,527 หน่วย ซึ่งเป็นระดับที่เกือบกลับมาใกล้เคียงกับหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2019 หรือช่วงก่อนเกิด COVID-19 นอกจากนี้ หากพิจารณาเฉพาะในส่วนของกำลังซื้อที่อยู่อาศัยในชลบุรีของชาวต่างชาติ จะพบว่า หน่วยโอนกรรมสิทธิ์คอนโดของชาวต่างชาติในชลบุรีในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2024 อยู่ที่ 2,427 หน่วย หดตัว 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 หลังจากที่ในปี 2023 หน่วยโอนกรรมสิทธิ์อยู่ที่ 5,935 หน่วย ขยายตัวถึง 66% เมื่อเทียบกับปี 2022

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันดึงดูด EXPAT จากประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนก็ยังเป็นความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ ซึ่งติดลำดับต้น ๆ ของโลกในการเป็นประเทศที่น่าทำงาน และอยู่อาศัยสำหรับ EXPAT แม้เป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูง แต่มีความโดดเด่นด้านคุณภาพชีวิต เช่น อัตราเงินเดือนสูง การเดินทางสะดวก มีความปลอดภัย อีกทั้ง เวียดนาม ซึ่งมีการออกมาตรการยกเว้นการขอใบอนุญาตทำงานสำหรับชาวต่างชาติ การให้สิทธิประโยชน์ด้านการตรวจลงตรา การยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไปจนถึงสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เช่น การได้รับยกเว้นภาษีนำเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่มบางรายการ ซึ่งอาจเป็นทางเลือกให้ EXPAT หันไปพิจารณาเลือกทำงาน และอยู่อาศัยในประเทศอื่น ๆ แทนการทำงานในไทยได้

ดังนั้น นอกจากการออกมาตรการ EEC Visa แล้ว การดึงดูด EXPAT ให้เข้ามาทำงาน และอยู่อาศัย อาจมีมาตรการเพิ่มเติม เช่น สวัสดิการ การปรับลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ รวมถึงยังจำเป็นต้องอาศัยการขับเคลื่อนด้านอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย อย่างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง ทั้งทางบก ทางน้ำ และอากาศ ให้เชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ เพื่อเอื้อให้การเดินทาง ทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศมีความสะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การเร่งรัดการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ใน EEC ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ก่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนสะพัด และการจ้างงาน ซึ่งจะดึงดูด EXPAT ให้เข้ามาทำงาน และอยู่อาศัยในพื้นที่ EEC ได้เช่นกัน