'พิมพ์ภัทรา' จ่อเรียก 'ทีมู' ถกแก้ปมสินค้าด้อยคุณภาพทะลักเข้าไทย
“พิมพ์ภัทรา” จ่อถก TEMU แก้สินค้าไร้มาตรฐานราคาถูกทะลักเข้าไทย สั่ง สมอ. คุมเข้มคุณภาพ ก่อนไหลถึงมือประชาชน พร้อมช่วย “เอสเอ็มอี” รับต้องรักษาสมดุลความสัมพันธ์กับจีน สถิติพบสินค้าไร้มาตรฐาน 10 เดือนกว่า 322 ล้าน “ส.อ.ท.” หวั่นครึ่งปีหลังไม่แก้ กระทบมากกว่า 30 กลุ่ม
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการมีความกังวลกรณีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างชาติเข้ามาตีตลาดสินค้าไทย ได้ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อธุรกิจเอสเอ็มอี รวมถึงความไม่ปลอดภัยของประชาชนจากการใช้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ไม่ได้นิ่งนอนใจถึงข้อกังวลดังกล่าว ล่าสุดได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อสกัดกั้นสินค้าไม่ได้มาตรฐานเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าที่ สมอ. ควบคุม ทั้ง 144 รายการ จากการที่ สมอ. สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
“เบื้องต้นอาจจะต้องเชิญแพลตฟอร์มข้ามชาติ เช่น TEMU (ทีมู) มาร่วมหารือ เพราะขณะนี้ มีเสียงเรียกร้องจำนวนมาก และก็เป็นการหารือกับผู้ประกอบการทั่วไปในเป็นกติกาเดียวกับที่ก่อนหน้านี้ ได้เชิญแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชต่าง ๆ มาหารือเช่นกัน” นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าว
อย่างไรก็ตาม การซื้อของดีราคาถูก ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ของก็ต้องมีคุณภาพด้วย อันไหนต้องมีมาตรฐาน ก็ต้องออกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ดังนั้น อาจจะต้องเชิญ TEMU มาหารือ แม้ว่าจะค่อนข้างยาก แต่ก็ต้องพยายาม ถือเป็นอีกช่องทางที่จะช่วยเอสเอ็มอีของไทยด้วย
นอกจากนี้ จากการที่เอกชนขอให้มีการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ 5-20% นั้น ก็จะต้องเริ่มทำ โดยปี 2567 ถือเป็นปีที่ท้าทายและหนักหน่วงมาก ด้วยสินค้าจีนทะลักเข้าไทย แต่เมื่อเขามา อุตสหากรรมไทยก็ต้องอยู่ให้ได้ และจำเป็นที่ต้องรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไว้ด้วย เพราะประเทศไทยก็มีการส่งออกผักและผลไม้จากภาคเกษตรกรรมไปยังจีนเช่นกัน ดังนั้น การจะมีมาตรการอะไรจะต้องไม่กระทบการค้าระหว่างประเทศด้วย
ทั้งนี้ ในการดำเนินการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังไม่ครอบคลุมสินค้าที่มีการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีจำนวนกว่า 1,000 รายการ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนร่วมดำเนินการควบคุมและกำกับติดตาม ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ไม่มีคุณภาพหรือเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค รวมทั้ง พิจารณาให้มีการจัดเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน โดยการกำหนดนโยบายการจัดเก็บภาษีที่เหมาะสมสำหรับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติ เพื่อให้บริษัทเหล่านี้เสียภาษีอย่างถูกต้อง และไม่เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า สมอ. ได้เร่งดำเนินการกวาดล้างสินค้าด้อยคุณภาพที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด และทางออนไลน์ ตั้งแต่เดือนก.ย. 2566- ก.ค. 2567 ได้ยึดอายัดสินค้าไม่ได้มาตรฐานเป็นมูลค่า 322 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐานที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน มูลค่า 92.7 ล้านบาท คิดเป็น 29% จากทั้งหมด
นอกจากนี้ สมอ. ยังได้กำหนดมาตรฐานสินค้าเพิ่มในปีนี้อีกจำนวนกว่า 1,400 มาตรฐาน จากเดิมที่ประกาศใช้แล้วจำนวน 2,722 มาตรฐาน และอยู่ระหว่างดำเนินการประกาศเป็นสินค้าควบคุมอีกจำนวน 52 มาตรฐาน เพิ่มเติมจากเดิมจำนวน 144 มาตรฐาน ครอบคลุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เช่น
ภาชนะและเครื่องใช้สแตนเลส กระทะ ตะหลิว หม้อ ช้อน ส้อม ปิ่นโต ถาดหลุม ถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร ถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ เตาหุงต้มในครัวเรือนใช้กับก๊าซปิโตรเลียมเหลว ท่อยางและท่อพลาสติกสำหรับใช้กับก๊าซหุงต้ม ฟิล์มติดกระจกสำหรับรถยนต์ ภาชนะพลาสติกสำหรับบรรจุน้ำบริโภค ที่รองนั่งไฟฟ้าสำหรับโถส้วมนั่งราบ ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก และแผงโซล่าร์เซลล์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม จากดำเนินการข้างต้น สมอ. ยังมีแนวทางการดำเนินงานเพื่อป้องกันการเข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์รายใหม่เพิ่มเติม ดังนี้
1.เร่งทำความเข้าใจและชี้แจงข้อกฎหมายกับผู้ประกอบการที่ให้บริการขนส่งสินค้า และให้บริการดำเนินพิธีการศุลกากร เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
2.สร้างความตระหนักให้ประชาชนเลือกซื้อสินค้าที่มีเครื่องหมายมาตรฐานบนแพลตฟอร์มออนไลน์
3.บูรณาการการทำงานร่วมกับกรมศุลกากร เพื่อการนำเข้าสินค้าที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานจากแพลตฟอร์มออนไลน์
4.บูรณาการการทำงานร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เกี่ยวกับการควบคุมแพลตฟอร์มออนไลน์ และ 5.บูรณาการการทำงานกับสภาองค์กรของผู้บริโภค เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวยอมรับว่าขณะนี้สินค้าไทย 23 กลุ่มอุตสาหกรรม จาก 46 กลุ่มอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าด้อยคุณภาพ ราคาถูกบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) เห็นได้จากยอดปิดโรงงาน 6 เดือนของปีนี้(ม.ค.-มิ.ย.2567) มีจำนวน 667 แห่ง
ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเอสเอ็มอีเกือบ 100% ที่ปิดกิจการเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเร่งตัวขึ้น 86% หากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีมาตรการป้องกัน ก็เป็นห่วงว่าครึ่งหลังของปีนี้จะเห็นเอสเอ็มมากกว่า 30 กลุ่มอุตสาหกรรมจะได้รับกระทบกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน