จับตา ‘ครม.แพทองธาร’ นัดแรกหลังแถลงนโยบาย เทงบกระตุ้นเศรษฐกิจ-ช่วยน้ำท่วม
จับตา “ครม.นัดแรกแพทองธาร” เคาะรายละเอียดแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต คาดจ่ายกลุ่มเปราะบาง 13 – 14 ล้านคน ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อนจะครบกำหนดตามระเบียบการเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 ในวันที่ 30 ก.ย.ขณะที่งบฯเยียวยาน้ำท่วมรอสำรวจความเสียหายขอเบิกงบกลางฯปี 67 1 หมื่นล้านบาท
KEY
POINTS
- ครม.ใหม่ที่นำโดยแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะบริหารประเทศหลังจากที่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาฯ ซึ่งคาดว่าจะไม่เกินวันที่ 15 ก.ย.
- จับตา ครม.แพทองธาร นัดแรกเตรียมเคาะรายละเอียดแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตทันที คาดจ่ายกลุ่มเปราะบาง 13 – 14 ล้านคน ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อนจะครบกำหนดตามระเบียบการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ในวันที่ 30 ก.ย.
- ขณะที่งบฯเยียวยาน้ำท่วมรอสำรวจความเสียหายขอเบิกงบกลางฯปี 67 1 - 1.5 หมื่นล้านบาท และใช้งบกลางฯปี 68 อีกบางส่วน
รัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 จะเข้ามาปฏิหน้าที่เป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในทางกฎหมายภายหลังจากที่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าการแถลงนโยบายต่อสภาฯจะมีขึ้นไม่เกินวันที่ 15 ก.ย.นี้
ภารกิจเร่งด่วนของนายกรัฐมนตรีและครม.ชุดใหม่คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการฟื้นฟูเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย รวมทั้งเตรียมการป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจของประเทศโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้มีการตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์น้ำแห่งชาติเพื่อรองรับสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงฤดูฝนที่เหลือของปีนี้
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าภายหลังการแถลงนโยบายของรัฐบาลในการประชุม ครม.อย่างเป็นทางการครั้งแรกของรัฐบาลแพทองธารซึ่งจะมีขึ้นช่วงประมาณสัปดาห์ที่ 2 หรือ 3 ของเดือน ก.ย.วาระที่จะเข้าสู่การประชุม ครม.ทันที คือ การปรับรายละเอียดของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อให้สอดคล้องกับเงื่อนไขการใช้งบประมาณ 1.22 แสนล้านบาทที่รัฐบาลมีอยู่จากการทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ มีเงื่อนไขว่าจะต้องใช้เงินในส่วนนี้ให้ทันภายในวันที่ 30 ก.ย.2567 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของปีงบประมาณ ไม่เช่นนั้นเงินส่วนนี้จะต้องโอนไปเป็นเงินคงคลังตามวิธีการทางงบประมาณก่อนจะเสนอของบประมาณเข้ามาใหม่ซึ่งก็จะทำให้ระยะเวลาในการเดินหน้าโครงการนี้ในเฟสแรกต้องขยายเวลาออกไป
สำหรับแนวทางในการปรับเปลี่ยนโครงการดิจิทัลอลเล็ตนั้นจะมีการแจกเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อนซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายประมาณ 13-14 ล้านคน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะแจกกลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วงเดือน ก.ย. 2567
ส่วนขณะนี้รายละเอียดกำลังสรุปเพื่อจัดทำร่างนโยายรัฐบาล แต่มีการทำงานคู่ขนานเพื่อดำเนินการต่อจากรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยการลงทะเบียนในโครงการนี้ปัจจุบันประชาชนมีการลงทะเบียนผ่านแอปฯทางรัฐแล้ว 30 ล้านคน โดยรัฐบาลยังเปิดให้ลงเบียนได้ถึงวันที่ 15 ก.ย.โดยจะไม่มีการขยายเวลาลงทะเบียนในโครงการนี้แต่อย่างใด
“การปรับเงื่อนไขก็ต้องทำให้ตรงกับสถานการณ์มากขึ้นในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นรัฐบาลอาจจะมีการปรับเงื่อนไขของโครงการ เพื่อให้สะท้อนภาวะเศรษฐกิจ สะท้อนความจำเป็น และสะท้อนกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น”
นายเผ่าภูมิ ยืนยันว่า โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ไม่ใช่โครงการที่ซ้ำซ้อนโดยโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น ประชาชนก็จะยังได้รับสวัสดิการตามปกติ เหมือนเดิม ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนอะไร ซึ่งดิจิทัลวอลเล็ตนั้นรัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนให้ตอบโจทย์ทั้งมิติการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเปิดโอกาสให้ประชาชนเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยี และการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้การทำธุรกรรมดิจิทัลกับภาครัฐเพื่อประโยชน์ในอนาคต
นอกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุม ครม.นัดแรกของครม.ชุดใหม่จะมีการหารือเรื่องการรับมือสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่ง ครม.จะมีการเร่งอนุมัติงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วนปีงบประมาณ 2567 เพื่อเยียวยาให้กับครัวเรือนที่ประสบภัยน้ำท่วมโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือซึ่งรัฐบาลได้มีการกันงบประมาณที่เป็นงบกลางฯไว้ประมาณ 1.0-1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนความเสียหายน้ำท่วมที่อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายทั้งบ้านเรือน และพื้นที่การเกษตรจะเสนอของบกลางฯในปี 2568 ต่อไป
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า รัฐบาลมีงบประมาณรับมือกับอุทกภัยที่เกิดขึ้นขณะนี้รัฐบาลมีเงินพอรับมือกับสถานการณ์โดยจัดสรรจากงบกลางที่เหลือมีความเพียงพอ และระยะเวลาในปีงบประมาณนี้เหลือไม่มากจะสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2567 จากนั้นจะเข้าสู่งบประมาณปี 2568 รัฐบาลจะมีงบกลางก้อนใหม่ใช้บริหารจัดการรับมือสถานการณ์น้ำท่วมและฟื้นฟูผู้ประสบภัยได้
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ได้ประเมินสถานการณ์น้ำท่วมเพื่อจัดทำแพคเก็จช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนผ่านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ 7 แห่ง โดยกระทรวงการคลังเห็นว่าจากสถานการณ์อุทกภัยหลายพื้นที่ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลางและภาคใต้ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ และการดำเนินธุรกิจของประชาชนมาก
ดังนั้น เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน สถาบันการเงินเฉพาะกิจจึงออกมาตรการด้านการเงินทั้งมาตรการพักชำระหนี้ ลดดอกเบี้ย และมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย
ในขณะที่การบริหารจัดการน้ำมีแนวคิดที่จะจัดทำแผนบริหารจัดการนำ้เป็นวาระแห่งชาติ โดยรัฐบาลใหม่เห็นว่าที่ผ่านมาการลงทุนบริหารจัดการน้ำยังไม่เพียงพอจึงควรวางแผนดำเนินการให้เป็นรูปธรรม ซึ่งนายภูมิธรรม ระบุว่าจะมีการนำแผนบริหารจัดการน้ำในอดีตมาปรับปรุงและกำหนดวงเงินการลงทุน 200,000 ล้านบาท โดยเป็นแผนที่เคยวางไง้ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำจะทำต่อจากรัฐบาลชุดรักษาการ ซึ่งเมื่อมี ครม.ชุดใหม่จะพิจารณาแผนบริหารจัดการน้ำเป็นลำดับต้น โดยกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมต้องแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
1.การแก้ปัญหาในระยะสั้นต้องให้การช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ
2.การเยียวยาผู้ที่ประสบภัยหลังจากระดับน้ำลดลงแล้ว
3.การวางแผนบริหารจัดการน้ำท่วมในระยะยาว