‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ จบแบบ ‘ซอฟต์แลนดิ้ง’ รัฐบาลโยกเงินดันลงทุนฟื้นเศรษฐกิจ

‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ จบแบบ ‘ซอฟต์แลนดิ้ง’  รัฐบาลโยกเงินดันลงทุนฟื้นเศรษฐกิจ

นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตส่อทำแค่เฟส1 แจกกลุ่มเประาบาง - คนพิการ 14.2 ล้านคน ยันได้เงินภายในเดือน ก.ย.นี้ แต่ส่วนที่เหลือจ่อปรับเป็นงบลงทุน บูมเศรษฐกิจจากโครงการลงทุนขนาดเล็กสร้างความต่อเนื่องในการก่อสร้างอุตสาหกรรมก่อสร้าง - ภาคการผลิต ตามคำแนะนำ ธปท.-สศช.ก่อนหน้านี้

KEY

POINTS

  • นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตรัฐบาลแพทองธารปรับรูปแบบใหม่
  • จ่อทำแค่เฟส1 แจกกลุ่มเประาบาง - คนพิการ 14.2 ล้านคน ได้เงิน 10,000 บาท ภายในเดือน ก.ย.นี้
  • พิชัย รองนายกฯและรมว.คลัง รับเฟส 2 ไม่ทันในปีนี้ และถ้าจะทำเพิ่มต้องดูหลายปัจจัย
  • วงเงินส่วนที่เหลือที่มีการทำงบฯ 68 ไว้ จ่อปรับเป็นงบลงทุนขนาเล็กที่ทำได้รวดเร็ว หวังเกิดการลงทุนต่อเนื่อง และใช้งบฯบางส่วนฟื้นฟูน้ำท่วม

โครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่รัฐบาลเพื่อไทยปลุกปั้นมาตลอดระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา กำลังมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งในเรื่องของรูปแบบ และวงเงินที่ใช้ในโครงการ

ทั้งนี้ที่ผ่านมาโครงการนี้มีการปรับเปลี่ยนวงเงินและระยะเวลาในการดำเนินการมาเป็นระยะๆ จากเดิมที่ขนาดโครงการ 5 แสนล้านบาท ลดลงมาเหลือ 4.5 แสนล้านบาท และเปลี่ยนจากการออก พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อมาทำโครงการ มาเป็นการใช้งบประมาณประจำปี 2568 ควบคู่กับการใช้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม พ.ศ. 2567 และงบกลางฯเพื่อมาทำโครงการนี้

อย่างภายหลังการแถลงนโยบายของนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมาก็มีความชัดเจนของนโยบายนี้มากขึ้น

‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ จบแบบ ‘ซอฟต์แลนดิ้ง’  รัฐบาลโยกเงินดันลงทุนฟื้นเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตโดยระบุถึงไว้ในนโยบายที่ 5 ที่เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลว่ารัฐบาลจะเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมันและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพโดยให้ความสำคัญกับ “กลุ่มเปราะบาง” เป็นลำดับแรก และผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล และพัฒนาศูนย์ข้อมูลภาครัฐที่มุ่งการพัฒนานโยบายที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน พร้อมเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน และการประกอบอาชีพ

นายกรัฐมนตรีกล่าวในตอนหนึ่งของการตอบคำถามฝ่ายค้านในสภาว่าเรื่องของดิจิทัลวอลเล็ตได้เจอกับชาวบ้าน โดยชาวบ้าน พูดขึ้นมาเองเลยว่าไม่เอาดิจิทัล วอลเล็ตแล้ว เอาเรื่องยาเสพติดก่อน ซึ่งชาวบ้านสะท้อน ส.ส.และ ส.ส.ก็มาบอกตน ในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราเริ่มทำแล้วเช่นกัน โดยจะเร่งรัดผ่านกระบวนการรัฐสภาที่ทุกท่านมีส่วนร่วม ก็จะทำไปพร้อมๆ กัน

ขณะที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภาว่าเรื่องของดิจิทัลวอลเล็ตนั้นรัฐบาลจะแจกทั้ง 10,000 บาทก่อนในวันที่ 25 ก.ย.นี้ โดยให้กับกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มคนพิการประมาณ 14.2 ล้านคน ใช้งบประมาณ 1.4 แสนล้านบาทเศษ

ส่วนที่เหลือที่ลงทะเบียนแล้วอีก 30 ล้านคน เนื่องจากรัฐบาลเรามีงบประมาณที่จำกัด อยากให้ความสำคัญของการใช้งบประมาณไปกับการปรับปรุงโครงสร้างที่เป็นจุดอ่อนแอของประเทศก่อน เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะปานกลางและระยะยาว ถ้ามีเงินเหลือที่พอจะได้ก็จะเจียดมาทำในเฟสที่ 2

ทั้งนี้เฟสที่ 2 ก็คือกลุ่มประชาชนที่มาลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐแล้วประมาณ 30 – 32 ล้านคน  ซึ่งหากรัฐบาลไม่เดินหน้าต่อกลุ่มนี้ก็จะไม่ได้รับเงินไปโดยปริยาย

‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ จบแบบ ‘ซอฟต์แลนดิ้ง’  รัฐบาลโยกเงินดันลงทุนฟื้นเศรษฐกิจ

ล่าสุดในวันนี้นายพิชัยให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่าในส่วนของเฟสที่ 2 ของเงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้นต้องดูองค์ประกอบ 2-3 เรื่อง ต้องดูความต่อเนื่องต้องดูเวลาที่เหมาะสม โดยยอมรับว่าหากมีการทำต่อในเฟสที่ 2 แต่ไม่น่าทันในปีนี้

ส่วนงบประมาณที่เหลือจะใช้ในโครงการอะไรถ้าไม่ทำดิจิตอล วอลเล็ต จะใช้ในโครงการลงทุนหรือไม่รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่รัฐบาลดูอยู่ และเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญอะไรที่สามารถสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศเราก็จะทำ เมื่อถามว่าใช้การลงทุนในระดับฐานรากหรือไม่นายพิชัยกล่าวว่าก็จะจัดเป็นโครงการที่สำคัญสามารถที่จะลงไปต่อเนื่องและเม็ดเงินลงไปได้เร็วที่สุด 

กระตุ้นเศรษฐกิจแบบพุ่งเป้า

ทั้งนี้แนวความคิดของรัฐบาลที่สะท้อนผ่านรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นการปรับรูปแบบโครงกางดิจิทัลวอลเล็ตที่สอดคล้องกับข้อเสนอของหลายฝ่าย โดยเฉพาะหน่วยงานเศรษฐกิจอย่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่เสนอแนะว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินนั้นควรทำในวงจำกัด และควรแจกเฉพาะกลุ่มเปราะบางซึ่งเป็นการช่วยเหลือแบบพุ่งเป้า       

ขณะที่แนวทางการนำงบประมาณที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะงบประมาณในปี 2568 ที่มีการตั้งวงเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจไว้ในงบกลางฯกว่า 1.52 แสนล้านบาทมาใช้ส่งเสริมโครงการลงทุนขนาดเล็กเพื่อทำให้เศรษฐกิจพลิกฟื้นขึ้นจากการลงทุนก็เป็นแนวทางที่ สศช.ได้เคยแสดงความเห็นไว้ก่อนหน้านี้ว่าโครงการลงทุนขนาดเล็กจะช่วยพลิกฟื้นให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจจากระดับฐานรากขึ้นมาและส่งผลต่อไปยังหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง การจ้างงานของผู้รับเหมารายย่อยทำให้คนมีกำลังซื้อมากขึ้น อุตสาหกรรมรถยนต์ ที่เมื่อมีการซื้อรถมากขึ้นก็จะมีการผลิตรถมากขึ้นช่วยให้เศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัวขึ้นมาได้

เตรียมรับความไม่แน่นอนเศรษฐกิจ-ฟื้นฟูน้ำท่วม

นอกจากนั้นการที่นำเม็ดเงินที่มีการตั้งงบประมาณไว้ในส่วนนี้มาใช้ในภาวะที่ประเทศต้องการเม็ดเงินในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากอุทกภัย ช่วยให้คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ การฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย รวมถึงรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกภายหลังการเลือกตั้งของสหรัฐ รวมทั้งความไม่แน่นอนของภาวะภูมิรัฐศาสตร์ที่จะเข้ามากระทบกับเศรษฐกิจและประเทศไทยในระยะถัดไปก็ถือว่ารัฐบาลตัดสินใจด้วยเหตุผลที่ดีได้ดีในสถานการณ์นี้ ซึ่งความชัดเจนทั้งหมดคาดว่าจะได้รับทราบในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 17 ก.ย.นี้ 

ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตโดยให้ออกมาในรูปแบบการแจกเฉพาะกลุ่มเปราะบางและคนพิการ และนำเม็ดเงินที่เหลือไปกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการผลักดันการลงทุน รวมทั้งนำเม็ดเงินที่มีอยู่มาใช้รองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกถือว่าเป็น “ทางลง” หรือ “ซอฟต์แลนดิ้ง” ของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่สามารถอธิบายกับประชาชนได้ด้วยเหตุผล มากกว่าเรื่องของการเมือง