“แพทองธาร” มีอำนาจเต็มทำให้ไทยพ้นกับดักรายได้ปานกลาง

“แพทองธาร” มีอำนาจเต็มทำให้ไทยพ้นกับดักรายได้ปานกลาง

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 ก.ย.2567 และเปิดให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายแสดงความเห็นต่อนโยบายรัฐบาลถึง 2 วัน นับจากนี้ไปจึงถือว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดปัจจุบันมีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดิน

ซึ่งการบริหารประเทศจะต้องดําเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยเป็นเงื่อนไขที่มีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560

รัฐธรรมนูญบัญญัติให้รัฐมนตรีทั้ง 36 คน จะต้องปฏิบัติหน้าที่และใช้อํานาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ เปิดเผย และมีความรอบคอบ และระมัดระวังในการดําเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม รักษาวินัยในกิจการที่เกี่ยวกับเงินแผ่นดินตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐอย่างเคร่งครัด ยึดถือและปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี รวมถึงสร้างเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ผาสุกและสามัคคีปรองดองกัน

เป้าหมายสำคัญที่รัฐธรรมนูญคาดหวังจากการบริหารราชการแผ่นดินของ น.ส.แพทองธาร คือ การส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ผาสุกและสามัคคีปรองดองกัน โดย น.ส.แพทองธาร ได้ให้คำตอบถึงผลของการบริหารราชแผ่นที่ในช่วง 3 ปี จะนำไปสู่การทำให้ประเทศไทยพ้นจากกับกัดรายได้ปานกลาง ซึ่งในปี 2567 ประเทศไทยยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางระดับบน (upper middle income) เป็นสถานะที่ประเทศไทยได้รับมาตั้งแต่ปี 2554

“กับดักรายได้ปานกลาง” เป็นอุปสรรคสำคัญของประเทศไทย หลังจากที่ประเทศไทยได้รับการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของธนาคารโลกให้เป็นประธานรายได้ปานกลางมาตั้งแต่ปี 2519 นับได้ว่าประเทศไทยติดกับดักรายได้ปานกลางมาแล้วเกือบ 50 ปี และถ้าระดับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในระดับ 2-3% ต่อปี คงต้องใช้เวลาอีกนานมากกว่าที่ประเทศไทยจะถูกเลือกเป็นประเทศรายได้สูงที่มีรายได้ต่อหัวมากกว่า 12,235 ดอลลาร์

น.ส.แพทองธาร กำหนดนโยบายระยะกลางและระยะยาวที่จะยกระดับประเทศด้วยการต่อยอดอุตสาหกรรมหลัก เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ เช่น Green Economy , Digital Economy , Care and Wellness Economy และ Financial Hub ซึ่งมีหลายส่วนที่ น.ส.แพทองธาร จะต้องวางแผนพัฒนาควบคู่ทั้งโครงสร้างพื้นฐานทุกด้าน คุณภาพประชากร แต่ทั้งหมดถือว่า น.ส.แพทองธาร มีอำนาจเต็มที่จะดำเนินการแล้ว