“พิชัย นริพทะพันธุ์ “แถลงนโยบายพาณิชย์ 10 ข้อ ขอแบงค์ชาติดูแลเงินบาท
“พิชัย นริพทะพันธุ์ “แถลงนโยบายพาณิชย์ 10 ข้อ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ดันส่งออก เร่งเจรจาเอฟทีเอ พานักธุรกิจไทยเปิดตลาดต่างประเทศ อัดแบงค์ชาติเมินแก้บาทแข็ง เตรียมนัดถกแบงค์ชาติ สัปดาห์หน้า ชง 3 ข้อเสนอ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายการทำงานกระทรวงพาณิชย์ ว่า นโยบายที่มอบหมายจะสานต่อนโยบายเดิมของนายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมีจำนวน 10 ข้อ ซึ่งจะมี 3 ข้อใหม่ในจำนวน 10 ข้อ ประกอบด้วย
1.ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ ขยายโอกาส
2.บริหารให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้บริโภคผู้ประกอบการ
3.ทำงานเชิงรุกพาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์ให้เกิดประสิทธิภาพ
4.ปรับปรุงกฎหมายล้าสมัยล้าสมัย รองรับการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
5.การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจฐานราก
6.การผลักดันการส่งออก จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าปีนี้จะขยายตัว1-2%
7.ผลักดันการใช้ประโยชย์จากความตกลงการค้าเสรีหรือFTA
8.การพาธุรกิจไทยบุกต่างประเทศ
9.ปรับโครงสร้างส่งออกให้ทันสมัย
10.ส่งเสริมผู้ประกอบการผลิตสินค้ารักสิ่งแวดล้อม
“ด้วยศักยภาพของข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ที่มีความรู้ ความสามารถ จะช่วยขับเคลื่อนนโยบายที่กำหนดไปสู่ความสำเร็จได้ และยังมั่นใจว่ากระทรวงพาณิชย์จะช่วยนำพาการค้า การลงทุนของประเทศให้ก้าวหน้าได้ต่อไป และนอกจากนโยบายที่ผมให้ไว้ เพื่อเป็นแนวทางในการทำงาน จากนี้ไป ใครมีไอเดียดี ๆ มีวิธีคิดดี ๆ ผมเปิดโอกาสให้เข้ามาพูดคุย ห้องผมเปิดตลอด อยากมาก็มาได้”นายพิชัยกล่าว
นายพิชัย กล่าวว่า การเร่งปรับโครงสร้างการส่งออกเป็นเรื่องสำคัญที่เพราะสินค้าส่งออกของไทยในปัจจุบันล้าสมัยไปแล้ว จะรอกินบุญเก่าต่อไปไม่ได้แล้ว จะต้องเร่งสร้างธุรกิจและสินค้าส่งออกใหม่ในอุตสาหกรรมเอสเคิร์ฟที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมPCB ที่คาดว่าในอนาคตจะสามารถดึงเม็ดเงินลงทุนเข้าไทยได้ราว1 ล้านล้านบาท หากมีการลงทุนก็จะมีธุรกิจต่อเนื่องเกิดขึ้น ทำให้เกิดสินค้าส่งออกในกลุ่มใหม่ๆผ่าธุรกิจเอสเคิร์ฟ เช่น สมาร์ทีวี สมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นสินค้าเทคโนโลยีที่สร้างรายได้ส่งออกได้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งก่อให้เกิดการจ้างงาน และเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับแรงงานคนไทย
ส่วนมาตรการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาสนั้น รัฐบาลจะหามาตรการลดต้นทุน เช่น การพักหนี้เกษตรกรเพื่อปลดภาระจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงในปัจจุบัน การดูแลหนี้ให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ตนอยากเห็นธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดดอกเบี้ย และดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งเกินไปด้วย เพื่อลดรายจ่ายในภาพรวม และดูแลผู้ส่งออก
“ผมขอเน้นว่าขณะนี้ค่าเงินบาทที่ 33 บาทต่อดอลลาร์ ในขณะนี้แข็งเกินไป เดือนเดียวขึ้นมา5-6% ผู้ส่งออกตายแน่ๆ อัตราที่33 บาทต่อดอลลาร์ แบงก์ชาติกรุณาเร่งแก้ไขด้วย เพราะจะกระทบส่งออกโดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่มีอัตรากำไรน้อยอยู่แล้ว ผมไม่ได้เป็นคู่แค้นกับแบงก์ชาติ แต่ที่ผ่านมาค่าเงินประเทศคู่แข่งอ่อนแต่ของเราไม่อ่อน ผมว่ามันไม่ถูกต้อง ผมยังงงว่าผู้ว่าแบงก์ชาติออกมาพูดในเชิงว่าประเทศไทยไม่ต้องไปมุ่งเน้นจีดีพีมาก ผมไม่รู้ท่านเรียนจบจากที่ไหนมา เพราะเป็นความคิดที่ผิด เพราะจีดีพีคือรายได้ของประเทศหากไม่มีรายได้จะเอาเงินที่ไหนมากระจายให้ประชาชน ผู้ว่าแบงก์ชาติพูดเหมือนคนไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร มันเป็นวิธีคิดที่ผิดปกติ จะทำนโยบายแค่ให้คนมีความสุขมันไม่ได้ เพราะถ้าคน ไม่มีเงิน ไม่มีรายได้เพิ่มคนจะมีความสุขได้อย่างไร ยิ่งมีภาระหนี้เยอะยิ่งต้องแก้ปัญหาหนี้ ซึ่งเร็วๆ นี้ผมจะนัดหารือกับผู้ว่าแบงก์ชาติ เพื่อทำความเข้าใจ
นอกจากนี้ จีดีพีของไทยที่เพิ่มขึ้นปีละ1.9% รายได้ส่วนใหญ่ตก อยู่ในมือเศรษฐี ทำให้หนี้ครัวเรือนยังพุ่งขึ้นไม่หยุด อยากเรียกร้องให้แบงก์ชาติเสียสละ เร่งปรับลดดอกเบี้ยลง ดูแลเงินบาท ไม่ให้แข็งค่าเกินไป และต้องเพิ่มสภาพคล่องให้เอสเอ็มอี ให้มากขึ้น แบงก์ชาติต้องไม่ทำหน้าที่แค่การกำกับดูแล แต่ ต้องช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตด้วย เพราะนโยบายการเงินสำคัญกว่านโยบายการคลังด้วยซ้ำ เราคงไม่อยากเห็นไทยเป็นเหมือนอเมริกาใต้ที่คนจนลง ไม่มีเงินต้องออกมาจี้ปล้น ดังนั้น การทำให้ทุกคนอยู่ได้อย่างมีความสุขเป็นสิ่งที่จำเป็น