สทนช. หนุนอาเซียน และ MRC ลดภัยพิบัติในลุ่มน้ำโขง

สทนช. หนุนอาเซียน และ MRC ลดภัยพิบัติในลุ่มน้ำโขง

สทนช. สนับสนุนความร่วมมืออาเซียน พร้อมกระชับความร่วมมือบริหารจัดการน้ำกับเมียนมาและ สปป.ลาว ตามนโยบายรัฐบาล

 สทนช. เป็นผู้แทนไทยประชุม  Asean-MRC Water Security Dialogue ครั้งที่ 2 สนับสนุนความร่วมมือภูมิภาคอาเซียน ลดภัยพิบัติในลุ่มน้ำโขง โดยทุกประเทศต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง พร้อมประชุมทวิภาคีร่วมกับเมียนมาและ สปป.ลาว เพื่อกระชับความร่วมมือในการบริหารจัดการน้ำ ตามนโยบายของรัฐบาล 

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)  เปิดเผยว่าได้เข้าร่วมการประชุม Asean-MRC Water Security Dialogue ครั้งที่ 2 ภายใต้หัวข้อ Sustainable Investment for a connected, Resilient and Water-secure Southeast Asia ในฐานะรัฐมนตรีและผู้แทนประเทศไทย ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว  พร้อมการประชุมทวิภาคีกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและการประชุมทวิภาคีกับ สปป.ลาว ในวันเดียวกันด้วย 

ทั้งนี้การประชุม Asean-MRC Water Security Dialogue ผู้เข้าร่วมประชุมได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีและประสบการณ์ในการรับมือกับแนวโน้ม ความท้าทาย และโอกาสในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงด้านน้ำ

สทนช. หนุนอาเซียน และ MRC ลดภัยพิบัติในลุ่มน้ำโขง

และการบริหารจัดการภัยพิบัติ ภายใต้สภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคแม่น้ำโขงและอาเซียน รวมถึงเสริมสร้าง ความเข้มแข็งและความร่วมมือระหว่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการจัดการกับความมั่นคงด้านน้ำอย่างจริงจัง

 ซึ่งในฐานะผู้แทนประเทศไทย ได้ร่วมแสดงจุดยืนด้านความมั่นคงด้านน้ำของไทย โดยกล่าวถึงความท้าทายที่ประเทศทั่วโลกประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ ได้แก่ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ภัยพิบัติด้านน้ำ ความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง โดยเหตุการณ์น้ำท่วมในแม่น้ำโขง ประเทศสมาชิกแม่น้ำโขงจำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง

 รวมทั้งต้องการการสนับสนุนจากพันธมิตรอาเซียน ทั้งนี้ ประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุนประเทศในภูมิภาคอาเซียนและประเทศสมาชิกในลุ่มแม่น้ำโขงอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืนต่อไป

สทนช. หนุนอาเซียน และ MRC ลดภัยพิบัติในลุ่มน้ำโขง

 นอกจากนี้ คณะผู้แทนจากประเทศไทยได้ประชุมเพื่อหารือความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำร่วมกับเมียนมา และ สปป.ลาว ตามนโยบายของรัฐบาล โดยสำหรับ การประชุมทวิภาคีกับเมียนมา ได้หารือประเด็นสำคัญเร่งด่วนด้านความร่วมมือชายแดนไทย - เมียนมา เพื่อบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดนบริเวณน้ำสาย - น้ำรวก และขอความร่วมมือในการดำเนินการร่วมกันเพื่อติดตั้ง สถานีวัดระดับน้ำในพื้นที่ต้นน้ำในเขตของเมียนมา การพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยร่วมกัน การขุดลอกลำน้ำพรมแดนที่ตื้นเขินที่เกิดจากตะกอนทับถมจำนวนมากจากเหตุการณ์อุทกภัย เพื่อแก้ไขปัญหาระยะสั้น และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำ

ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อชะลอน้ำ เช่น การสร้างอ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนเพื่อควบคุมน้ำในช่วงน้ำหลาก การอนุรักษ์ฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรน้ำ โดยการใช้มาตรการ Nature-based solution เพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาว ทั้งนี้ เมียนมายินดีให้การสนับสนุน และรับประเด็นเพื่อเสนอรัฐบาล รวมทั้งเห็นชอบในการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อหารือในรายละเอียดต่อไป

สำหรับ การประชุมทวิภาคี สปป.ลาว ได้หารือเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ แบบบูรณาการระหว่างไทย - สปป.ลาว โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านน้ำ เพื่อใช้ในการบริหารจัดการและการแจ้งเตือนภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแม่น้ำโขงให้ดียิ่งขึ้น

สทนช. หนุนอาเซียน และ MRC ลดภัยพิบัติในลุ่มน้ำโขง

ทั้งนี้ การบริหารจัดทรัพยากรน้ำ ลุ่มน้ำโขงตอนล่าง เป็นการบริหารจัดการในลักษณะกลุ่มลุ่มน้ำ ซึ่งประเทศไทยพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ กับ สปป.ลาว เพื่อให้เกิดประโยชน์และครอบคลุมทั้งลุ่มน้ำโขง

โดยสำหรับบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างไทย - สปป.ลาว คาดว่าจะ มีการลงนามร่วมกันในการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission Council – MRC Council) ภายในเดือน พ.ย. นี้  พร้อมทั้ง ได้มีการเสนอโครงการร่วมวิจัยชุมชน (Joint Community Research) ระหว่างไทยและ สปป.ลาวเพื่อส่งเสริมอาชีพและการปรับตัวของชุมชน โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้กับผลิตภัณฑ์ ช่วยเพิ่มมูลค่าและรายได้ให้กับประชาชนริมฝั่งน้ำโขงของทั้งสองประเทศอีกด้วย